นายณัฐนัย อนันตรัมพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความพร้อมที่จะนำหุ้นเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เพื่อระดมทุนสำหรับการขยายการให้บริการเพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยบริษัทฯ ได้แต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัทฯ โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) จำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1.00 บาท คิดเป็นร้อยละ 40 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยแบ่งเป็น การเสนอขายหุ้นต่อผู้ถือหุ้นสามัญของ ILINK ไม่เกิน 60 ล้านหุ้น โดยเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2559 คณะกรรมการของ ILINK ได้กำหนด สัดส่วนการให้สิทธิจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ ITEL ที่อัตรา 6.0404 หุ้น ILINK ต่อ 1 หุ้น ITEL กรณีมีเศษหุ้นให้ปัดทิ้ง และกำหนดให้วันที่ 17 สิงหาคม 2559 เป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่จะมีสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่ม ทุนของ ITEL (Record Date) และกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นเป็นวันที่ 18 สิงหาคม 2559 และอีก 140 ล้านหุ้นเสนอขายให้ประชาชนทั่วไป
การระดมทุนครั้งนี้ ITEL จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อใช้ในการขยายกิจการและเพื่อรองรับความ ต้องการใช้งานและเพื่อเพิ่มเสถียรภาพและประสิทธิภาพการให้ บริการ นอกจากนี้ จะนำไปใช้ในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน เพื่อสร้างศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ ขนาด 600 Racks ซึ่งจะลงทุนภายในไตรมาส 3 ปี 2559 และคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการภายในปี 2560 โดยบริษัทฯ ได้ทำสัญญาร่วมทุนกับ บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินโฟนิท โฮลดิ้ง จำกัด (WHA) บริษัท แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT รวมทั้งนำไปใช้คืนเงินกู้ยืม
สำหรับผลประกอบการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นจาก 12.57 ล้านบาท ในปี 2556 เป็น 436.89 ล้านบาทในปี 2558 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ ร้อยละ 489.55 ต่อปี และในไตรมาสแรกของปี 2559 บริษัทฯ มีรายได้รวม 160.08 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 56.96 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยรายได้จากการให้บริการโครงข่ายของบริษัทฯ เติบโตจากการที่โครงข่ายของบริษัทฯ สามารถให้บริการครอบคลุมพื้นที่ได้ทั่วประเทศ และสามารถเชื่อมต่อไปยังลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่รายได้บริการติดตั้งโครงข่ายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากงานโครงการติดตั้ง ADSS Optical Fiber Cable ของการไฟฟ้านครหลวง และได้ให้บริการก่อสร้างและปรับปรุงข่ายสัญญาณโทรคมนาคมของผู้ให้บริการ โทรศัพท์เคลื่อนที่รายหนึ่ง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีรายได้จากการให้บริการเช่าพื้นที่ดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มขึ้น จากการที่มีลูกค้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นเกือบเต็มพื้นที่ดาต้า เซ็นเตอร์
"ITEL พร้อมก้าวสู่การเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาด เอ็ม เอ ไอ และมั่นใจว่าการระดมทุนในครั้งนี้ จะสนับสนุนให้บริษัทฯ มีการเติบโตขึ้นในทุก ๆ ด้าน สามารถรองรับการให้บริการแก่ลูกค้าที่จะเพิ่มขึ้นด้วยคุณภาพที่ดีเยี่ยม และจะส่งผลให้รายได้และกำไรเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต" นายณัฐนัย กล่าว
ด้านนายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย หุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL กล่าวว่า ITEL ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม แบบที่ 3 ประเภทมีโครงข่ายเป็นของตนเองจากสำนักงานคณะกรรมการการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อทำธุรกิจเป็นผู้ให้บริการวงจรสื่อสารความเร็วสูง โดยมีจุดเด่นที่โครงข่ายของบริษัทฯ เป็นเคเบิ้ลใยแก้วนำแสงทั้งเส้นทาง ตั้งแต่โครงข่ายหลักจนถึงโครงข่ายย่อยที่ทำการเชื่อมต่อไปยังลูกค้าปลายทาง ทำให้สามารถรับ-ส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูง และมีเสถียรภาพในการใช้งานมากกว่าโครงข่ายประเภทอื่นๆ เช่น โครงข่ายสายโทรศัพท์ หรือโครงข่ายสายทองแดง นอกจากนี้ โครงข่ายของ ITEL ยังเป็นเส้นทางที่แตกต่าง และไม่ทับซ้อนกับโครงข่ายใยแก้วนำแสงที่มีอยู่เดิมของผู้ให้บริการรายอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงข่ายตามเส้นทางเสาไฟฟ้าบนถนน
โดยบริษัทฯ เลือกใช้เสาโทรเลขตามแนวรถไฟเป็นเส้นทางหลักในการวางโครงข่าย โดยปัจจุบัน ITEL ได้วางโครงข่ายครอบคลุมแล้วทั้งสิ้น 75 จังหวัดทั่วประเทศ และยังสามารถให้บริการเชื่อมต่อกับโครงข่ายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสงของประเทศ เพื่อนบ้าน ได้แก่ สิงค์โปร์ มาเลเซีย กัมพูชา ลาว และพม่า รวมทั้งมีศูนย์บริการแก้ไขเหตุขัดข้องทั่วประเทศถึง 38 ศูนย์ ซึ่งสามารถดำเนินการได้ตลอด 24 ชม.หากเกิดเหตุเสียขึ้น ทำให้ ITEL มีความพร้อมในการให้บริการลูกค้าขนาดใหญ่ที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ และจากการเข้าสู่ยุคดิจิตอล ไม่ว่าจะเป็นนโยบายดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (Digital Economy) ของภาครัฐ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาใช้การติดต่อสื่อสารและรับส่ง ข้อมูลผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงมาก ขึ้น ตลอดจนการทำธุรกรรมออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะยิ่งช่วยสนับสนุนการเติบโตของ ITEL อย่างมากในอนาคต
"สำนักงานก.ล.ต.ได้อนุญาตการออกและเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ของบริษัทฯ แล้ว เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2559 โดยคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาด เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในไตรมาส 3 ปี 2559 การเข้ามาระดมทุนใน mai ครั้งนี้ เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลทำให้บริษัทฯ มีการเติบโตอย่างยั่งยืน เชื่อมั่นว่า ITEL จะเป็นหุ้น Growth Stock และเป็นอีกทางเลือกสำหรับการลงทุนที่มีคุณภาพ" นายสมภพ กล่าว
ปัจจุบัน บมจ. อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม มีทุนจดทะเบียนจำนวน 500 ล้านบาท และมีทุนจดทะเบียนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 300 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 300 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะมีทุนจดทะเบียนที่ออกและเรียกชำระแล้วเป็น 500 ล้านบาท โดยมีบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ถือหุ้นสัดส่วน 99.99% และภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO สัดส่วนการถือหุ้นลดลงเหลือ 60% จำนวนหุ้นที่จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของ ILINK ตามสัดส่วนการถือหุ้น Pre-Emptive Right 12% และจำนวนหุ้นที่เสนอขายต่อประชาชน 28%