เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 สิงหาคม 2559 ที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) นายกริน ชยวิสุทธิ์ ตัวแทนกลุ่มกิจการร่วมค้า JVCC บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) ได้เดินทางมายื่นหนังสือพร้อมนำเอกสารหลักฐานข้อมูลต่างๆ เข้าร้องเรียนต่อนายเกรียงไกร นิศากร ผู้อำนวยการสำนักการตรวจสอบบริหารพัสดุและสืบสวน 1 และนางสุพร กลัดพร ผู้ตรวจเงินแผ่นดิน 1 เพื่อพิจารณาตรวจสอบ
หลังจากกิจการร่วมค้า JVCC โดย บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นคัดค้านการเซ็นสัญญาซื้อขายรถยนต์โดยสารปรับอากาศ NGV จำนวน 489 คัน ต่อองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กับบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ผู้ชนะการประกวดราคา โดยเสนอราคาต่ำที่สุด 3,389 ล้านบาท จากราคากลาง 4,021 ล้านบาท ซึ่งมีประเด็นส่อไปในทางที่ไม่โปร่งใส โดยเฉพาะการรายงานงบดุลไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เป็นสาระสำคัญ
นายกริน ชยวิสุทธิ์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่กิจการร่วมค้า JVCC ได้ยื่นหนังสือคัดค้านการทำสัญญาซื้อขายรถยนต์โดยสารปรับอากาศ NGV ระหว่างองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ กับบริษัท เบสท์รินกรุ๊ปฯ ฉบับลงวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น เพื่อให้เกิดความชัดเจนถึงประเด็นที่คัดค้าน ตนได้รับมอบหมายจากกิจการร่วมค้า JVCC ให้นำข้อมูลและหลักฐานต่างๆ มามอบให้ทางสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้พิจารณาประกอบการตรวจสอบโครงการดังกล่าว เพื่อประกอบคำคัดค้าน โดยเฉพาะรายงานบัญชีรายรับรายจ่ายที่บริษัทเบสท์รินกรุ๊ป รายงานต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ งบการเงินสิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 ต.ค.58 ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง และยังขัดต่อระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 ข้อ 30 , 31 ตลอดจนขัดกับประกาศของขสมก.ที่กำหนดว่า "นิติบุคคลที่จะเข้าเป็นคู่สัญญาต้องไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้ไม่แสดงบัญชีรายรับรายจ่าย หรือแสดงบัญชีรายรับรายจ่ายไม่ถูกต้องครบถ้วนในสาระสำคัญ"
นายกริน ระบุด้วยว่า ข้อเท็จจริงที่รับฟังเป็นข้อยุติได้ ปรากฏในคำฟ้องคดีแพ่งเลขดำที่ ภ.71/2558 ภ.72/2558 ภ.73/2558 และ ภ.126/2558 มีสาระสำคัญระบุว่า เมื่อระหว่างเดือนต.ค.49 ถึงเดือนก.ย.50 บริษัทเบสท์รินกรุ๊ป ได้นำเข้ารถยนต์โดยสารปรับอากาศ พร้อมอุปกรณ์ครบชุดจากประเทศจีนหลายครั้ง รวมจำนวนรถยนต์นำเข้ามากกว่า 200 คัน หลังจากบริษัทเบสท์รินกรุ๊ปฯชำระอากรขาเข้าและได้นำรถยนต์ทั้งหมดออกจากกรมศุลกากรแล้ว เจ้าพนักงานกรมศุลกากรตรวจสอบพบว่า บริษัทเบสท์รินกรุ๊ป ได้สำแดงราคารถยนต์ดังกล่าว ต่ำกว่าราคาจริง เป็นการสำแดงราคาเป็นเท็จ เพื่อหลีกเลี่ยงอากรขาเข้า ตามความผิดพ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 เมื่อกรมศุลกากร และกรมสรรพากรได้ประเมินอากรขาเข้าภาษีมูลค่าเพิ่มเบี้ยปรับ เงินเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มใหม่แล้ว แจ้งผลการประเมินใหม่ให้บริษัทเบสท์รินกรุ๊ปทราบ เพื่อให้บริษัทเบสท์รินกรุ๊ปชำระตามจำนวนที่ได้ประเมินใหม่ เมื่อวันที่ 29 ก.พ.55 แต่ปรากฏว่าบริษัทเบสท์รินกรุ๊ป ก็มิได้อุทธรณ์การประเมินดังกล่าวจึงถือเป็นที่สุด จวบจนปัจจุบันบริษัทเบสท์รินกรุ๊ป ก็ไม่ได้ชำระเบี้ยปรับและภาษีมูลค่าเพิ่มใหม่ ซึ่งศาลภาษีอากรกลางนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 31 ส.ค.59 เวลา 09.00 น.
"ผมมั่นใจว่า ทางสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินจะพิจารณาหลักฐานที่กิจการร่วมค้า JVCC ประกอบคำร้องค้านสัญญาดังกล่าว โดยเฉพาะการสำแดงบัญชีงบดุลอันเป็นเท็จ ซึ่งส่อในทางที่ไม่โปร่งใส อีกทั้งรัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศเรื่องการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นวาระแห่งชาติ จึงต้องเร่งทำเรื่องการประกวดราคาซื้อขายรถเมล์เอ็นจีวีดังกล่าวด้วยความรอบคอบ เพื่อรักษาผลประโยชน์หน่วยงานรัฐ และประชาชน "
"ทั้งนี้บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป มีหน้าที่ต้องนำจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวต่อกรมศุลกากร และกรมสรรพากร และลงในบัญชีรายจ่ายที่แท้จริงในบัญชีรายรับรายจ่ายของบริษัทฯ เป็นเหตุให้งบการเงินในรอบปีบัญชี 2558 ของเบสท์รินกรุ๊ปมีกำไรสะสมเป็นเงินจำนวน 78,102,622.96 บาท ตรงกันข้าม หากบริษัทฯลงบัญชีรายจ่ายตรงไปตรงมา จะส่งผลให้บริษัทเบสท์รินกรุ๊ปมีผลการดำเนินงานขาดทุนในรอบปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2558 เป็นเงินจำนวนกว่า 150 ล้านบาท ย่อมส่งให้บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป อยู่ในฐานะเป็นนิติบุคคลขาดคุณสมบัติที่จะเข้าเป็นคู่สัญญากับขสมก. เนื่องจากเป็นผู้ไม่แสดงบัญชีรายรับรายจ่าย หรือแสดงบัญชีรายรับรายจ่ายไม่ถูกต้องครบถ้วนในสาระสำคัญ" นายกรินกล่าว
อนึ่ง เมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน)หรือ CHO ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนถึง ขสมก.ว่า บริษัทที่เสนอราคาต่ำสุดโครงการจัดหารถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน ไม่ได้ยื่นแสดงงบดุลตามความเป็นจริง ซึ่ง ขสมก.จะต้องตรวจสอบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร อีกทั้งในวันที่ 31 ส.ค.นี้ ศาลจะมีคำพิพากษากรณีที่กรมศุลกากรฟ้องร้องบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป กรณียื่นเสียภาษีนำเข้าเป็นเท็จ ซึ่งบอร์ด ขสมก.ยืนยันว่าจะตรวจสอบรายละเอียดที่ทาง กิจการร่วมค้า เจวีซีซี ร้องเรียนเข้ามาก่อนว่าเป็นอย่างไร โดยจะนัดประชุมบอร์ดวาระพิเศษในวันที่ 8 ส.ค.นี้