ดร.วีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรม(กนอ.) และ ผู้อำนวยการสำนักงานประสานการพัฒนาพื้นที่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ(สปพ.) เผย "การพัฒนาพื้นที่ขณะนี้คืบหน้าไปค่อนข้างมาก และจะเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดนแห่งแรกของประเทศก็ว่าได้ หากประเมิณภาพรวมวันนี้ความคืบหน้าเดินไปได้ 20% แล้ว ส่วนที่เหลือเป็นเรื่องของการก่อสร้างที่จะเริ่มประมาณปลายปีนี้แล้วใช้ระยะเวลาอีก 18 เดือน ทั้งโครงการจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ แต่หากส่วนใดพร้อมก่อน กนอ.ก็จะทยอยเปิดรับนักลงทุนได้ตั้งแต่กลางปี 2560 เป็นต้นไป โดยพื้นที่รองรับนักลงทุนประกอบไปด้วย 21 นิคมอุตสาหกรรมที่พัฒนาแล้วและสามารถรองรับการลงทุน (พื้นที่ 14,660 ไร่) 7 นิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ระหว่างการพัฒนา (พื้นที่ 15,600) 7 เขตประกอบการอุตสาหกรรม (พื้นที่ 1,134 ไร่) และ 1 เขตประกอบการอุตสาหกรรมที่อยู่ระหว่างเตรียมการเสนออนุมัติ"
ซึ่งโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก คือโครงการที่มุ่งส่งเสริมให้ 3 จังหวัดภาคตะวันออกเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ดีและทันสมัยที่สุดในอาเซียน ประกอบด้วย จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และจังหวัดระยอง โดยรัฐบาลวางแผนการลงทุนกว่า 1.5 ล้านล้านบาทใน 5 ปี เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ขยายมอเตอร์เวย์ รถไฟทางคู่ รถไฟฟ้าความเร็วสูง ขยายท่าเรือแหลมฉบังและท่าเรือมาบตาพุด พัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ฯลฯ และเพิ่มเป็น 2 ล้านล้านบาท ตลอดโครงการภายใน 10 ปี ซึ่งจะทำให้เกิดการลงทุนจากภาคเอกชนอย่างน้อย 1.5 ล้านล้านบาทใน 5 ปี โดยลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย 500,000 ล้านบาท โครงสร้างพื้นฐาน 400,000 ล้านบาท การสร้างเมืองใหม่ โรงพยาบาล โรงเรียน ที่อยู่อาศัย 400,000 ล้านบาท การท่องเที่ยวคุณภาพ เชิงสุขภาพ 200,000 ล้านบาท
การพัฒนาพื้นที่ "เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก" หรือ EEC ถือเป็นการบูรณาการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานอย่างสมดุล การจัดวางผังเมืองกลุ่มจังหวัด เพื่อการเติบโตอย่างมีทิศทาง พร้อมมาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อมระดับโลก กระจายความเจริญทางเศรษฐกิจสู่ภูมิภาค สร้างโอกาสในการทำงาน เพิ่มเงินภาษีสู่ท้องถิ่น จัดตั้งกองทุนเพื่อการพัฒนาชุมชน เพื่อประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่ง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ เพื่อให้ภาคตะวันออกของประเทศไทย เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ดี และทันสมัยที่สุดในภูมิภาคอาเซียน โดยเชื่อว่าโครงการนี้จะดำเนินไปได้อย่างราบรื่นเนื่องจากมีนักลงทุนให้ความสนใจมากมาย