นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 9 – 15 สิงหาคม 2559 บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน บียู (KFF6MBU) ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 1.60% ต่อปี และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 3 เดือน วาย (KFF3MY) ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 1.50% ต่อปี โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี
สำหรับภาวะตราสารหนี้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นายนาวินกล่าวว่า "อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวลดลงในเกือบทุกช่วงอายุตราสาร ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากผลการประชุม FOMC ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งนักลงทุนคาดการณ์ว่าจะยังไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเร็วๆ นี้ จึงทำให้มีเงินทุนไหลเข้าสู่ตลาดประเทศเกิดใหม่อีกครั้ง ด้านปัจจัยในประเทศ ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปี โดยมองว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะโตได้ตามคาดการณ์ที่ 3.1% แม้จะมีความเสี่ยงจากปัจจัยต่างประเทศสูงขึ้นกว่าการประชุมครั้งก่อน แต่เชื่อว่าการใช้จ่ายภาครัฐและการท่องเที่ยวยังเป็นปัจจัยหลักที่จะสนับสนุนเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยพร้อมที่จะใช้เครื่องมือเข้าดูแลค่าเงินอย่างเต็มที่เพื่อสร้างเสถียรภาพทางการเงินและเศรษฐกิจของประเทศ ส่วนสถานการณ์ต่างประเทศ ผลการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงสู่ระดับ 0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และได้เพิ่มวงเงิน QE จำนวน 6 หมื่นล้านปอนด์เป็นระยะเวลา 6 เดือน ทั้งนี้ประธาน BoE ระบุว่าพร้อมดำเนินมาตรการกระตุ้นทางการเงินเพิ่มเติมหากจำเป็น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนภายหลังจากเหตุการณ์ Brexit"
นายนาวินกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ไม่มากนัก หรือผู้ที่ต้องการแบ่งเงินลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงมาลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ บลจ.กสิกรไทยได้เปิดเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศประเภทกำหนดอายุโครงการเป็นประจำทุกสัปดาห์เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการล็อกผลตอบแทนที่แน่นอน โดยสามารถเลือกลงทุนเป็นเวลา 3 เดือน หรือ 6 เดือน ทั้งนี้สำหรับ กองทุน KFF6MBU ที่มีอายุโครงการ 6 เดือน เบื้องต้นคาดว่าจะเข้าไปลงทุนในเงินฝาก Agricultural Bank of China, เงินฝาก First Gulf Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, เงินฝาก Commercial Bank of Qatar และเงินฝาก Al Khaliji Commercial Bank , ประเทศกาตาร์ นอกจากนี้ยังคาดว่าจะลงทุนในตราสารหนี้ Qatar National Bank ด้านกองทุน KFF3MY ที่มีอายุโครงการ 3 เดือน เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก Bank of China, เงินฝาก China Construction Bank Corporation, เงินฝาก Commercial Bank of Qatar และเงินฝาก Al Khaliji Commercial Bank, ประเทศกาตาร์ นอกจากนี้ยังคาดว่าจะลงทุนในตราสารหนี้ Qatar National Bank ด้วยเช่นเดียวกัน โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และผู้ลงทุนสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ยังได้เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนต่อเนื่องให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการ (Fixed Term Fund) ของบลจ.กสิกรไทย ซึ่งเมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนเลือกได้กองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค เอ็มพลัส (K-MPLUS) ซึ่งอยู่ในกลุ่มกองทุนรวมตราสารหนี้ ของบลจ.กสิกรไทย
สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนกับกองทุน KFF6MBU และกองทุน KFF3MY สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถาม KAsset Contact Center 0 2673 3888 หรือที่ www.kasikornasset.com