นายชัยรัตน์ โกวิทจินดาชัย ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) (PRIN) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯและบริษัทย่อยในไตรมาส 2/2559 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2559) มีรายได้รวม 850.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 332.91 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 64.38% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 517.10 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 73.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 112.64 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น (291.09%) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 38.70 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากยอดขายที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐ ที่มีการลดค่าธรรมเนียมการโอน ค่าจดจำนอง ซึ่งมาตรการดังกล่าวหมดเขตไปในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา และแนวโน้มดอกเบี้ยที่ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ยอดขายและรายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปี 2559 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 1,447.53ล้านบาท เพิ่มขึ้น 374.16 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 34.86% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 1,073.38 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 117.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 155.32 ล้านบาท หรือ (409.62%) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 37.88 ล้านบาท
สำหรับสาเหตุที่ทำให้กำไรในช่วงครึ่งแรกของปีนี้เติบโตอย่างโดดเด่นมาจากการลดค่าใช้จ่ายในการขาย การเพิ่มขึ้นของการรับรู้รายได้อสังหาริมทรัพย์ และการควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
"ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปีนี้ เติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากนโยบายกระตุ้นอสังหาฯของภาครัฐและแนวโน้มดอกเบี้ยที่ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ผู้บริโภคที่คิดจะกู้ซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัย หรือเพื่อการลงทุนตัดสินใจได้เร็วขึ้น โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯได้มีการจัดแคมเปญเพื่อกระตุ้นยอดขาย ในทุกทำเล 19 โครงการ ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริหารอย่างดีเยี่ยม ทำให้ยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน"นายชัยรัตน์กล่าว
ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) (PRIN) กล่าวอีก แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยหนุนจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้เตรียมเปิดใหม่ 4 โครงการ มูลค่ารวม 2,450 ล้านบาท ประกอบด้วย ทาวน์เฮาส์ 2 โครงการ คือ ซิตี้เซนส์ พระราม 2 (ท่าข้าม) มูลค่า 1,000 ล้านบาท ,ซิตี้เซนส์ รังสิต มูลค่า 260 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ คือ โครงการตลาดพลู มูลค่า 190 ล้านบาท และรัตนาธิเบศร์ มูลค่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งมีกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมหมดแล้ว สามารถพัฒนาโครงการได้ทันที และมีจุดขายตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพ ทั้งนี้ มั่นใจว่ารายได้รวมในปีนี้จะอยู่ที่ 2,900 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งคาดว่า 90% จะเป็นรายได้จากโครงการที่เปิดขายแล้วในปัจจุบัน
ขณะเดียวกันที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับงวดผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 ในอัตรา 0.06 บาท/หุ้น โดยบริษัทกำหนดให้วันที่ 25 สิงหาคม 2559 เป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล และปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 26 สิงหาคม 2559 โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 7 กันยายน 2559 นี้