ASEFA โชว์ผลงาน Q2/2559 กำไร 47% ครึ่งปีหลังพีคตุนงานในมือ กว่า 1,800 ลบ.

จันทร์ ๑๕ สิงหาคม ๒๐๑๖ ๑๔:๕๕
ASEFA เปิดงบไตรมาส 2/2559 รายได้โต 15% กำไรพุ่ง 47% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เหตุยอดขาย สินค้าที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสวิตซ์บอร์ดไฟฟ้า ด้าน "ไพบูลย์ อังคณากรกุล" ผู้บริหารไฟแรง คาดว่ารายได้ปีนี้โต 15-20% ได้ตามเป้าหมาย หลังธุรกิจเริ่มกลับมา pick up แถมบริษัทฯตุน Backlog ในมือมากกว่า 1,800 ล้านบาท คาดส่วนนี้จะรับรู้ปีนี้ 60- 65%

นายไพบูลย์ อังคณากรกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท อาซีฟา จำกัด (มหาชน) หรือ ASEFA ผู้ประกอบธุรกิจผลิต จำหน่ายและติดตั้งผลิตภัณฑ์กระจายและส่งจ่ายไฟฟ้า สวิตซ์บอร์ดไฟฟ้า รางไฟฟ้า โคมไฟและระบบส่องสว่าง งานบริการวิศวกรรมที่เกี่ยวข้อง และงานบริการหลังการขายครบวงจร เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 2/2559 ว่า บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและบริการรวม 691.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 602.57 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิของบริษัทฯ และบริษัทย่อย งวดไตรมาส 2/59 อยู่ที่ 61.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 41.84 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 8.86% สาเหตุที่ผลกำไรสุทธิในไตรมาส 2/59 ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น เนื่องจากยอดขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักที่บริษัทเป็นผู้ผลิต รวมถึงการเติบโตของยอดขายรวมของบริษัทฯทำให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลดลง

สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 59 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการรวม 1,314.30 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1,117.03ล้านบาท เพิ่มขึ้น 197.27 ล้านบาท หรือ 18% กำไรสุทธิอยู่ที่ 124.90 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 77.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.54 ล้านบาท หรือ 75% ในขณะที่อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 6.35% เป็น 9.45% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

นายไพบูลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า คาดว่าในปีนี้รายได้ของบริษัทฯ จะเติบโตประมาณ 15-20% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,549.60 ล้านบาท เนื่องจากปีนี้บริษัทฯ ได้ประโยชน์จากการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐฯ อาทิ โครงการรถไฟฟ้า โครงการสายไฟลงดิน ขณะเดียวกันภาคเอกชนก็ได้มีการขยายการลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้า งานโทรคมสื่อสาร ดาต้าเซ็นเตอร์ รวมถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้ความต้องการผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ เพิ่มมากขึ้น

ปัจจุบันบริษัทฯ มีมูลค่างานในมือ (Backlog) มากกว่า 1,800 ล้านบาท โดยจะรับรู้รายได้ปีนี้ราว 60 - 65% ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปี 2560 ขณะที่สัดส่วนรายได้ปัจจุบันมาจากกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ที่บริษัทเป็นผู้ผลิต และจำหน่าย 73% กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เทรดดิ้ง 15% ส่วนที่เหลือเป็นงานบริการและโครงการรื้อถอนโรงไฟฟ้าอยู่ที่ 12%

"เศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้การเติบโตเป็นไปตามฤดูกาล แต่งานและ Backlog ของบริษัทฯ ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ดี และนอกจากนี้ยังมีงานที่อยู่ระหว่างการประมูลงานใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยหนุนงานในมือเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการเพิ่มรายได้จากการเปิดสาขาในต่างจังหวัด และกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากการขยายและรวมโรงงานจากบางบอนมาไว้ที่เดียว กันกับโรงงานแห่งใหม่ที่ จ.สมุทรสาคร ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายและเพิ่มกำลังการผลิตได้มากขึ้น" นายไพบูลย์ กล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ