ตั้งแต่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2560 สายการบินจะยกระดับการบริการเที่ยวบินที่สองในแต่ละวันระหว่างกรุงอาบู ดาบี และนครนิวยอร์ก ให้บินเครื่องบิน เอ380 ซึ่งจะมีทั้งห้องโดยสารเดอะ เรสสิเดนซ์ ห้องโดยสารแบบสวีท สามห้องซึ่งเป็นรายเดียวที่ให้บริการในรูปแบบเที่ยวบินของสายการบินพาณิชย์ ในขณะนี้ และห้องโดยสารเฟิร์สท อพาร์ทเมนท์ ที่ได้รับรางวัล
บริการใหม่นี้จะเติมเต็มเที่ยวบินรายวัน ด้วย เอ380 อยู่แล้วจำนวน หนึ่งเที่ยว และเป็นการแทนที่เครื่องบิน โบอิ้ง 777-300อีอาร์ ที่ให้บริการอยู่แล้วในปัจจุบัน ซึ่งสายการบินเอทิฮัดเริ่มปฏิบัติการด้วย เอ380 ระหว่างท่าอากาศยานเจเอฟเค นครนิวยอร์ก และกรุงอาบู ดาบี ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2558
"ผลตอบรับที่เราได้รับจากผู้โดยสารของสายการบินเอทิฮัดที่เดินทางระหว่างกรุงอาบู ดาบี และนครนิวยอร์ก ตั้งแต่เราเริ่มให้บริการเมื่อเกือบหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมานั้นถือเป็นปรากฎการณ์ และเรายังยินดีที่จะเพิ่มเติมผลิตภัณฑ์ระดับโลกให้บริการผู้โดยสารจากและสู่นิวยอร์ก" มร. ปีเตอร์ บอมการ์ทเนอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสายการบินเอทิฮัดกล่าว
มร. บอมการ์ทเนอร์ กล่าวว่า "พันธกรณีของเราที่มีต่อผู้โดยสารนั้นคือเรามุ่งมั่นที่จะเป็นสายการบินที่ดีที่สุดในโลก โดยได้เปลี่ยนโฉมหน้าประสบการณ์การเดินทางและมอบระดับความสบาย ความหรูหราและอัธยาศัยไมตรีระดับโลกในระดับที่สูงที่สุดในทุก ๆ จุดของการเดินทาง ตั้งแต่บนพื้นดินจนกระทั่งบนฟากฟ้า ในทุก ๆ ชั้นการบริการ"
ผู้โดยสารใน เดอะ เรสซิเดนซ์นั้นจะได้เพลิดเพลินกับความหรูหราในระดับที่สูงที่สุด ทุก ๆ ส่วนประสบการณ์การเดินทางนั้นละเอียดละออและเป็นที่กล่าวถึง รวมไปถึงบริการรถรับส่งไปยังสนามบิน และห้องสวีทส่วนตัวแบบสามห้อง ซึ่งรวมถึงห้องนั่งเล่นที่มีที่นั่งสำหรับผู้โดยสารสองคน ห้องนอนเตียงคู่ และห้องน้ำในตัวที่แยกต่างหาก ผู้โดยสารในเดอะเรสซิเดนซ์นั้นจะได้รับการดูแลด้วยบัทเลอร์ที่ผ่านการฝึกฝนจากโรงแรมซาวอย ในกรุงลอนดอนที่มีชื่อเสียงโดยเฉพาะ
นอกเหนือจากนั้นห้องโดยสารชั้นหนึ่ง เฟิร์สท อพาร์ทเมนท์ จำนวน 9 ที่นั่งซึ่งมอบพื้นที่ใช้สอยส่วนตัวรวมไปถึงเก้าอี้หนังพอลโทรนา เฟรา ที่ปรับเอนได้และที่วางเท้า ซึ่งสามารถเปิดออกมาเป็นเตียงราบขนาด 80.5 นิ้วได้ และมีห้องอาบน้ำสำหรับให้บริการผู้โดยสารชั้นหนึ่งเพื่อความสะดวกสบาย
การรับประทานอาหารใน เดอะ เรสซิเดนซ์และชั้นหนึ่งนั้นให้บริการประสบการณ์การรับประทานอาหารชั้นเลิศที่เตรียมโดยเชฟบนเที่ยวบินที่เปี่ยมทักษะ
ที่นั่งบิสสิเนส สตูดิโอ จำนวน 70 ที่นั่งนั้นอยู่ชั้นบนของแอร์บัส เอ380 ทุกที่นั่งสามารถเข้าออกทางเดินได้โดยตรง มีเตียงที่ปรับราบได้ขนาด 80.5 นิ้ว และเพิ่มพื้นที่ใช้สอยส่วนตัวอีก ร้อยละ 20 ผู้จัดการอาหารและเครื่องดื่มในชั้นธุรกิจนั้นจะช่วยจับคู่อาหารและไวน์ ได้อย่างเชี่ยวชาญ จากรายการอาหาร"ไดน์ เอนีไทม์"
ชั้นล่างของเครื่องบินนั้นประกอบไปด้วยที่นั่งชั้นประหยัด อีโคโนมี สมาร์ทซีท 415 ที่นั่งและระบบความบันเทิงพานาโซนิค อีเอ็กซ์3 มอบรายการความบันเทิงที่เลือกได้เองมากกว่า 750 ชั่วโมง ระบบเกมส์ที่พัฒนาขึ้นจอความละเอียดสูงในทุก ๆ ชั้นโดยสาร เอ380 นั้นยังมีการเชื่อมต่อสื่อสารบนเที่ยวบินที่สมบูรณ์แบบรวมไปถึงสัญญาณอินเตอร์เนต (WiFi)
เดอะ ล็อบบี พื้นที่เลาจน์หรูหราอยู่ระหว่างชั้นหนึ่งและชั้นประหยัด นั้นมีโซฟาหนังพอลโทรนา เฟราจำนวน 2 ตัว และบริการเครื่องดื่มและของว่างที่คัดสรรมาตลอดการเดินทาง
สายการบินเอทิฮัดนั้นได้เริ่มให้บริการเที่ยวบินรายวันแบบไม่หยุดพักไปยังสนามบินเจเอฟเค นครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2549 และในฤดูใบไม้ร่วงนี้ (ตามฤดูกาลของซีกโลกเหนือ)สายการบินจะเฉลิมฉลอง 10 ของการให้บริการระหว่างกรุงอาบู ดาบีและนครนิวยอร์ก
ในเดือน ธันวาคม พ.ศ. 2558 สายการบินได้เปิดห้องรับรองพรีเมียมแห่งใหม่ที่ท่าอากาศยานจอห์น เอฟ เคเนดี นครนิวยอร์ก ถือเป็นการลงทุนครั้งสำคัญเพื่อยกดระดับประสบการณ์การเดินทางภาคพื้นของผู้โดยสารของสายการบิน ด้วยที่ตั้งที่สะดวกสบายบริเวนทางออกขึ้นเครื่องหลังจากด่านรักษาความปลอดภัยในอาคารผู้โดยสารอาคารนานาชาติ 4 ของสนามบินเจเอฟเค ห้องรับรองนี้มอบบรรยากาศการเดินทางที่แตกต่างให้แก่ผู้โดยสาร
สายการบินเอทิฮัด นั้นให้บริการเที่ยวบินไป-กลับ 45 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ระหว่างกรุงอาบู ดาบี และเมือง 6 แห่งในสหรัฐฯ ได้แก่ ชิคาโก ดัลลัส-ฟอร์ทเวิร์ธ ลอสแอนเจลิส สนามบินเจเอฟเค นิวยอร์ก ซานฟรานซิสโก และวอชิงตัน ดีซี สายการบินเอทิฮัดนั้นมอบการเดินทางสู่เมืองหลวงของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเชื่อมต่ออย่างราบรื่นไปยังตะวันออกกลาง แอฟริกา อนุทวีปอินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านฐานการบินของสายการบินเอทิฮัดที่กรุงอาบู ดาบี