เริ่มต้นอินโทรความน่าสนใจด้วยการพาไปรู้จักเบื้องหลังที่มาของชื่อ 'FUNBOX' ที่สะท้อนความหมายของพื้นที่แห่งนี้ออกมาได้อย่างดี ทั้งตัวอักษร F "Fun" ที่แปลว่าสนุก U "Unlimited" จินตนาการที่ไร้ขีดจำกัด และ N "Naughty" ความซุกซนขี้เล่นและกล้าทดลองสิ่งใหม่ๆ
โดยในส่วนของชั้นที่หนึ่งและสอง เป็นของ DI Concept Store สนามเด็กเล่นขนาดใหญ่ของนักออกแบบ ซึ่งเป็นดีไซน์คอนเซ็ปต์สโตร์แห่งแรกที่รวบรวมเอาวัสดุตกแต่งภายในหายากจากทั่วทุกมุมโลก มาให้นักออกแบบได้หยิบจับเติมเต็มไอเดียของตัวเองได้อย่างไม่มีหมด ยกตัวอย่างที่ชั้นหนึ่งซึ่งมีนวัตกรรมรักษ์โลกเช่น Di Wireless Switch เป็นเทคโนโลยีการออกแบบผ่านหลักการ energy-harvesting ที่เก็บเกี่ยวพลังงานตรงจากแรงสั่นสะเทือนของการกดนิ้วมือลงบนสวิทต์ มาให้คนที่สนใจได้สัมผัส หรืออย่างชั้นที่สองได้รวมวัสดุหายากต่างๆ ตั้งแต่พื้นผนัง กระเบื้อง วอลเปเปอร์ หนังสำหรับทำเฟอร์นิเจอร์ ผ้า และเครื่องเรือน มาจัดวางเป็นเหมือนงาน Installation ในแกลลอรี่เล็กๆ ซึ่งแน่นอนว่าเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจในทุกจุด
ส่วนในชั้นที่ชั้นสามเป็นของ pye design school ซึ่งทั่วห้องตกแต่งด้วยสีขาวล้วน ทั้งพื้น โต๊ะ เก้าอี้ หรือแม้แต่วอลเปเปอร์ ซึ่งทั่วทั้งห้องมีลำแสงสาดส่องแต่งแต้มให้สดใส กระตุ้นจินตนาการของเราอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นคอนเซปต์ White Canvas ที่ผู้จัดพยายามสื่อว่าจินตนาการทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้น ล้วนเริ่มต้นมาจากจุดเล็กๆ บนผืนผ้าใบสีขาวทั้งนั้น ซึ่งชั้นนี้ยังเป็นพื้นที่ที่เปิดอบรมด้านการออกแบบอีกด้วย ไม่เพียงแค่นั้น ในอีกมุมหนึ่งยังเป็นดิสเพลย์ของ pye palette แบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นน้องใหม่ไฟแรง ที่สะท้อนไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนในวงการออกแบบ ด้วยการผสมผสานกับคาแรคเตอร์เฉพาะตัวออกมาได้น่าจับตามอง
ในชั้นสุดท้ายจะพบกับห้องมืดที่ฉายรูปทรงเลขาคณิตสีขาวอันเล็กๆ ลอยอยู่ทั่วห้องเต็ม ซึ่งจัดขึ้นโดย Tiger Lily แบรนด์ดิ้งเอเจนซี่ กับคอนเซปต์แสนลึกซึ้ง ที่ต้องการจะสื่อสารว่าสิ่งที่เรียกว่าการ 'Branding' ที่ดีนั้นต้องเกิดมาจากวิธีคิด และทัศนคติที่ชัดเจน ซึ่งเป็นหัวใจการทำงานของบริษัทแห่งนี้นี่เอง
เรียกว่า FunBox ! เป็นคอมมิวนิตี้ของคนที่หลงใหลในการออกแบบไม่ควรพลาด และเป็นเหมือนกล่องความสนุกที่ยิ่งเปิดยิ่งพบกับความตื่นเต้นเร้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งให้เราถ่ายทอดออกไปไม่ได้เท่ากับคุณมาสัมผัสด้วยตาตัวเองจริงๆ