นางวรวรรณ งานทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง ทิศทางผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังปี 2559 ว่า จะเติบโตอย่างโดดเด่นจากช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากบริษัทฯบันทึกรายได้มูลค่างานคงค้างในมือที่มีมากกว่า 380 ล้านบาท จากงานภาครัฐและเอกชน โดยจะเติบโตโดดเด่นมากในช่วงครึ่งปีหลัง จากรายได้งานต่อเรือที่จะเริ่มทยอยเข้ามา ซึ่งปกติเรือ 1 ลำ ใช้ระยะเวลาในการต่อประมาณ 15-18 เดือน โดยรับรู้รายได้ตามความสำเร็จของงาน และคาดว่าจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้งานใหม่ๆที่ได้เซ็นสัญญาไปก่อนหน้านี้ใน ช่วงครึ่งปีหลัง
ปัจจุบันบริษัทฯ มีงานที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ซึ่งเป็นงานอู่ต่อเรือของภาคเอกชน อยู่ราว 380 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ร้อยละ 20 - 25 ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 3 - 4 ของปีนี้ นอกจากนี้บริษัทฯได้เตรียมเข้าประมูลงานของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) มูลค่าไม่เกิน 1,000 ล้านบาท และงานรับเหมาช่วง (Sub Contract) งานโครงสร้างเหล็กจากโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ทั้งนี้ จากรายได้ที่จะทยอยรับรู้เข้ามาและงานที่บริษัทฯ จะเข้าประมูล คาดว่าจะสนับสนุนให้ผลประกอบการทั้งปี 2559 เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับปี 2558 ที่ผ่านมา
สำหรับแผนงานจากนี้จนถึงสิ้นปี 59 บริษัทฯ ตั้งเป้ารับงานซ่อมเรือ 30 ลำ โดยจะรับงานต่อเรือขนาดเล็กก่อน แต่ปีหน้าจะปรับเปลี่ยนรับงานต่อเรือขนาดใหญ่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ สามารถรับงานได้เต็มที่ เนื่องจากในช่วงเดือนสิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ขยายสาขาเปิดอู่ต่อเรือที่ จ.สุราษฎร์ธานี และเริ่มเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการไปแล้ว จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม 2560 โดยอู่ต่อเรือตั้งอยู่ที่ ต.ท่าทองใหม่ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ใช้งบลงทุนรวมประมาณ 150 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายที่จะเป็นอู่ซ่อมเรือต่อเรือที่ได้มาตรฐานแห่งแรกของภาคใต้ ซึ่งมีโอกาสทางธุรกิจและเรามีจุดแข็งสามารถทำงานได้ มาตรฐาน ทั้งระบบงาน เรื่องคุณภาพ และเรื่องของเวลาส่งมอบงานให้ลูกค้า ทำให้ลูกค้ามั่นใจที่จะมาใช้บริการของบริษัทฯ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มฐานรายได้ที่มั่นคงขยายตลาด เพื่อรองรับงานในภูมิภาคและยังสามารถพัฒนาไปยังตลาดต่างประเทศในอนาคตได้อีก ด้วย
"ASIMAR จะกลับมามีผลประกอบการทั้งรายได้และกำไรดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปี หลัง เราหวังว่าในระยะ 1-2 ปี ASIMAR จะกลับมาเทิร์นอะราวน์อย่างค่อยเป็นค่อยไป ปัจจัยหลัก ๆ มาจากอู่ต่อเรือแห่งใหม่ใน จ.สุราษฎร์ธานที่เริ่มเปิดดำเนินการในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สนับสนุนการรับงานต่อเรือ ซ่อมเรือ ได้เพิ่มมากขึ้นในพื้นที่ทางภาคใต้ ซึ่งอุตสาหกรรมต่อเรือปีนี้ เริ่มฟื้นตัวแต่ไม่หวือหวามองว่าจะฟื้นตัวจริง ๆ ในอีก 2 ปีข้างหน้า" นางวรวรรณ กล่าว
สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ในงวดไตรมาส 2/2559 มีกำไรสุทธิลดลง 16.15 ล้านบาท หรือลดลง 71.09 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 22.72 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 126.44 ล้านบาท ลดลง 60.02 ล้านบาท หรือลดลง 32.19% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 186.46 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกปีนี้ ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิลดลงราว 43 ล้านบาท หรือลดลง 77.02% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 55.58 ล้านบาท มีรายได้รวม 238.93 ล้านบาท ลดลง 217.39 ล้านบาท หรือลดลงราว 48% เทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 456.32 ล้านบาท ผลประกอบการที่ลดลง เนื่องจากในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ไม่มีงานต่อเรือเข้ามา ทำให้รายได้เติบโตไม่หวือหวา แต่มีออเดอร์จากการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งจะทยอยรับรู้ได้เข้ามาในช่วงไตรมาส 3-4 ของปีนี้