นายศาศวัต ศิริสรรพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สหกลอิควิปเมนท์ หรือ SQ เปิดเผยว่า "กลุ่มบริษัทสหกล รวมถึงบริษัทฯ ในเครือเป็นผู้ประกอบการไทยรายแรกที่ให้บริการงานขุด-ขนดินและถ่านหิน โครงการเหมืองแม่เมาะให้กับโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะ ของการฝ่ายไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) หรือกฟผ. มาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2526 นับเนื่องถึงปัจจุบันรวมระยะเวลากว่า 30 ปี มูลค่างานรวมเกือบ 3 หมื่นล้านบาท จุดแข็งของบริษัทฯ คือการที่เราเป็นผู้รับเหมาเฉพาะด้าน ซึ่งตลอดระยะเวลาสามสิบกว่าปีมานี้ บริษัทฯ รับเหมางานเหมืองเพียงอย่างเดียว แตกต่างจากบริษัทฯ รับเหมาก่อสร้างอื่นๆ เนื่องจากเราเล็งเห็นว่าธุรกิจรับเหมางานเหมืองนั้นมีอายุโครงการในแต่ละสัญญายาวนานต่อเนื่อง 9-12 ปี มีผลประกอบการที่มั่นคง และมีกำไรสม่ำเสมอ ทำให้บริษัทฯ ลดความเสี่ยงในการประมูลงานก่อสร้างประเภทอื่น ที่มีอายุโครงการสั้น และมีความเสี่ยงด้านรายได้ นอกจากนี้ ธุรกิจรับเหมางานเหมืองมีคู่แข่งน้อยราย อีกทั้งผู้ประกอบการรายใหม่ๆ ที่จะเข้ามาแข่งขัน ต้องมีความพร้อมด้านเงินทุน องค์ความรู้(knowhow) และบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านงานเหมือง ซึ่งต้องอาศัยการสั่งสมประสบการณ์หลายสิบปี นอกจากนี้เรายังมีเครื่องจักรสำหรับใช้เปิดหน้าดินที่เป็นผลงานออกแบบของบริษัทฯ"
นายศาศวัต กล่าวต่อว่า "ปัจจุบัน บริษัทฯ รับเหมางานเหมืองถ่านหินสำหรับโรงไฟฟ้าแม่เมาะ โดยให้บริการงานขุด-ขนดินและถ่านหิน ณ เหมืองถ่านหินแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง รวม 2 โครงการได้แก่ โครงการเหมืองแม่เมาะ โครงการที่ 7 ระยะเวลาดำเนินงาน 9 ปี ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2555-2563 มูลค่าโครงการในความรับผิดชอบของบริษัทฯ 10,953 ล้านบาท, โครงการเหมืองแม่เมาะ โครงการที่ 8 ระยะเวลาดำเนินงาน 10 ปี ตั้งแต่ปีพ.ศ.2559-2568 มูลค่าโครงการรวม 22,871 ล้านบาท และโครงการเหมืองหงสา ภายใต้บริษัท หงสาเพาเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทฯที่ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินขนาด 1,878 เมกะวัตต์ ที่เมืองหงสา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2558-2569 ระยะเวลาดำเนินงาน 11 ปี มูลค่าโครงการรวม 11,743 ล้านบาท เมื่อนับรวมทั้ง3 โครงการ บริษัทฯ จะมีปริมาณงานในมือรวม 38,000 ล้านบาท"
นายศาศวัต กล่าวต่อว่า "ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2559 บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการรับจ้างขุด-ขนดินและถ่านหิน 681 ล้านบาท กำไรสุทธิ 71 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยไตรมาสแรกของปี 2558 บริษัทฯ มีรายได้ 415 ล้านบาท กำไรสุทธิ 20 ล้านบาท ด้านผลประกอบการปี 2558 ตั้งแต่เดือนมกราคม-ธันวาคม บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการทั้งสิ้น 1,868 ล้านบาท กำไรสุทธิ 82 ล้านบาท ส่วนปี 2557บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,614 ล้านบาท กำไรสุทธิ 49 ล้านบาท
ทั้งนี้ รายได้ของบริษัทฯ มาจากงาน 2 ส่วน คืองานขุดดินเพื่อเปิดหน้าเหมือง โดยทางผู้ว่าจ้างจะวัดจำนวนดินที่ทางบริษัทฯ ขุดได้ว่ามีจำนวนกี่ลูกบาศก์เมตรแน่น เพื่อนำมาคำนวณรายได้ ส่วนที่สองคืองานขนถ่านหินให้กับโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ซึ่งวัดปริมาณถ่านเป็นจำนวนตัน เพื่อนำมาคำนวณรายได้"
นายศาศวัต กล่าวทิ้งท้ายว่า "แม้บริษัทฯ จะมีปริมาณงานในมือกว่า 3 หมื่นล้านบาท และอายุแต่ละโครงการยาวนานถึง 10 ปี แต่บริษัทฯ ก็ยังไม่หยุดนิ่งที่จะแสวงหาโอกาสเพื่อสร้างรายได้ ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านงานเหมือง รวมถึงความพร้อมด้านบุคลากรและเครื่องจักร บริษัทฯ มีแผนที่จะไปลงทุนด้านงานเหมืองในต่างประเทศ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมองเห็นโอกาสในธุรกิจพลังงานทางเลือก จึงได้ร่วมลงทุนถือหุ้นร้อยละ 15 ในบริษัท ทริปเปิ้ล เอส อีโค่ จำกัด ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของพลังงานทางเลือก"
ด้านนายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัท หลักทรัพย์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ปรึกษาทางการเงิน SQ กล่าวว่า "บมจ.สหกลอิควิปเมนท์ หรือ SQ เป็นผู้ประกอบการที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการให้บริการและดำเนินงานด้านการทำเหมืองแร่อย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนงานในเหมือง การเปิดหน้าเหมือง การให้คำปรึกษาด้านงานเหมือง รวมถึงการให้เช่าเครื่องจักรขนาดใหญ่ อาจกล่าวได้ว่าเป็นบริษัทฯ เดียวในประเทศไทยที่ประกอบธุรกิจด้านงานเหมืองเพียงรายเดียว และมีสายสัมพันธ์อันดีกับเจ้าของโครงการ คู่ค้า อีกทั้งธุรกิจเหมืองแร่มีคู่แข่งน้อยราย เนื่องจากต้องมีความพร้อมด้านเครื่องมือ บุคลากรที่มีความชำนาญ รวมถึงฐานเงินทุนอันแข็งแกร่ง เพราะต้องใช้เงินลงทุนสูงในระยะเริ่มต้นโครงการ อันนับเป็นจุดแข็งของบริษัทฯ การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็เพื่อรองรับการขยายงานไปลงทุนด้านเหมืองแร่ในต่างประเทศ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน"
บริษัท สหกลอิควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SQ มีแผนจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไป(IPO) จำนวนไม่เกิน 380 ล้านหุ้น คิดเป็น 33.63% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ มูลค่าที่ตราไว้ (ราคาพาร์) 1 บาทต่อหุ้น และบริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีและหักสำรองตามกฎหมาย
ในการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ มีบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน