การรักษาแผลเบาหวานเรื้อรังด้วย ออกซิเจนความดันสูง (Hyperbaric Oxygen Therapy)

จันทร์ ๒๒ สิงหาคม ๒๐๑๖ ๑๕:๕๓
ปัจจุบันมีการใช้ Hyperbaric Oxygen Therapy เข้ามาช่วยในการรักษาโรคเบาหวานที่มีแผลเรื้อรัง โดยเฉพาะแผลเบาหวานที่เท้าซึ่งมีวิธีการคือ ให้ผู้ป่วยหายใจเอาออกซิเจนบริสุทธิ์ 100% ภายใต้เครื่องปรับบรรยากาศความกดดันสูงที่มากกว่าความดันบรรยากาศที่ระดับน้ำทะเล เพื่อเพิ่มปริมาณออกซิเจนในกระแสเลือดให้มากขึ้น พอเลือดไหลเวียนไปยังตำแหน่งที่มีแผลก็จะส่งออกซิเจนเข้าไปในเนื้อเยื่อนั้นและได้มากขึ้น

ประสิทธิภาพของ Hyperbaric Oxygen Therapy

หลังจากเนื้อเยื่อที่อยู่บริเวณแผลได้รับปริมาณออกซิเจนเพิ่มมากขึ้น ออกซิเจนเหล่านี้จะไปกระตุ้นการสร้างเส้นเลือดเล็ก ๆ ให้มาเลี้ยงแผลมากขึ้น กระตุ้นเนื้อเยื่อให้มีการสร้างคอลลาเจน ซึ่งมีส่วนสำคัญในการหายของแผล กระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดการบวมของเนื้อเยื่อส่งเสริมการซ่อมแซมและการหายของบาดแผล

โดยการรักษาโรคเบาหวานที่มีแผลเรื้อรังด้วยออกซิเจนความดันสูง (Hyperbaric Oxygen Therapy) เป็นการรักษาเสริมหรือเพิ่มเติมอีกวิธีหนึ่งที่ใช้ร่วมกับการรักษาอื่นทั้งทางอายุรกรรมและศัลยกรรม นอกจากนั้นยังสามารถรักษา โรคต่าง ๆ ได้มากมาย เช่น โรคฟองอากาศอุดตันเส้นเลือด , พิษจากก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ , โรคน้ำหนีบ, เนื้อเยื่อที่ได้รับบาดเจ็บจากการบดขยี้ (crush injury) , การติดเชื้อที่แผลและการติดเชื้อที่กระดูก , แผลเรื้อรังจากการฉายแสง , แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก เป็นต้น

ความถี่ในการทำงาน

จำนวนครั้งและระยะเวลาในการทำยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ขึ้นอยู่กับตัวผู้ป่วยและสภาพของบาดแผลหรือการบาดเจ็บนั้น ๆ สำหรับการรักษาโรคเบาหวานแผลที่เท้าจะใช้ประมาณ 20 – 40 ครั้ง ครั้งละ 1 – 2 ชม. โดยขึ้นอยู่กับอัตราการตอบสนองของแผลและการรักษา

สำหรับเครื่อความกดอากาศในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 2 แบบใหญ่ ๆ คือ แบบ Monochamber รักษาผู้ป่วยได้ครั้งละ 1 คน

แบบ Multichamber ใช้รักษาผู้ป่วยได้ครั้งละ 2 – 18 คน

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยปกติถ้าได้รับการรักษาตามมาตรฐานด้วยความกดอากาศไม่เกิน 3 บรรยากาศ และการรักษาแต่ละครั้งไม่ เกิน 2 ชม. จะพบภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นน้อยมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าได้รับการซักประวัติและตรวจร่างกายอย่างถูกต้องจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนรักษา อย่างไรก็ตามสามารถพบภาวะแทรกซ้อนได้แก่ การบาดเจ็บที่หูชั้นกลาง อาการปวดหู หูอื้อ ปวดไซนัส และปวดฟัน เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นเองหลังจากการหยุดทำ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๑๒ ฉลองเทศกาลตรุษจีนปีงูเล็ก ที่โรงแรมดุสิตธานี กระบี่ บีช รีสอร์ท
๑๗:๐๐ IMPACT เผยปี 68 ข่าวดี! โครงการ Sky Entrance รถไฟฟ้าสายสีชมพูมาตามนัด หนุนทราฟฟิคแน่น - จับมือพาร์ทเนอร์
๑๗:๕๒ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ร่วมกับ มูลนิธิเพื่อสิ่งแวดล้อมและสังคม สนับสนุนโครงการ กู้วิกฤตและอนุรักษ์พะยูน ครั้งที่ 2
๑๗:๕๘ แสนสิริ เจ้าตลาดคอนโดแคมปัส อวดโฉม ดีคอนโด วิวิด รังสิต คอนโดใหม่ตรงข้าม ม.กรุงเทพ
๑๖:๔๓ เอ็นไอเอ - สสส. ดึงนิวเจน สรรค์สร้างนวัตกรรมส่งเสริมสุขภาพ ในแคมเปญ The Health Promotion INNOVATION PLAYGROUND
๑๗:๕๘ กรมวิทย์ฯ บริการ เร่งพัฒนาระบบ e-Learning ยกระดับการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ทั่วประเทศ
๑๖:๕๘ เขตจตุจักรกวดขันคนไร้บ้านเชิงสะพานข้ามคลองบางซื่อ สร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน
๑๗:๑๗ เขตพระนครประสานกรมเจ้าท่า-เอกชน เร่งปรับปรุงภูมิทัศน์ท่าเรือสุพรรณเดิม
๑๗:๔๐ กทม. กำชับเจ้าของอาคารตรวจสอบโครงสร้างบันไดเลื่อน เพิ่มความปลอดภัยประชาชน
๑๖:๓๗ แลกเก่าเพื่อโลกใหม่ ช้อปคุ้ม พร้อมลดหย่อนภาษี! 'เปลี่ยนของเก่าเป็นความคุ้ม' ผ่าน Easy E-Receipt ได้ที่โฮมโปร เมกาโฮม