นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวถึง ผลการประชุมการแก้ปัญหาการครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินป่าภูทับเบิก และมาตรการแก้ปัญหาการครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินป่าภูทับเบิกในท้องที่ตำบลวังบาลและตำบลบ้านเนิน อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อว่า วัน 19 ส.ค.59 ได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ทหาร ตำรวจ กว่า 500 นาย เข้าดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่รีสอร์ท 19 แห่ง หลังติดประกาศตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวต่อว่า การเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ภูทับเบิก 19 รีสอร์ท เป็นไปตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ใช้ประโยชน์ที่ดินไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หลังจากให้เวลา 30 วัน รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเอง และขยายเวลาเพิ่มให้อีก 7 วัน ตามการร้องขอของผู้ประกอบการ เมื่อครบกำหนด เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องเข้ารื้อถอน เพื่อจัดระเบียบพื้นที่ภูทับเบิกใหม่ ให้ใช้ประโยชน์ที่ดินตามวัตถุประสงค์ จึงเริ่มรื้อถอนโรงเตี้ยมเป็นรีสอร์ทแรก จากนั้นจะทยอยรื้อถอนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ หากผู้ประกอบการขอรื้อถอนร่วมกับเจ้าหน้าที่สามารถทำได้ ซึ่งกรณีการรื้อถอนโดยเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้ประกอบการต้องจ่ายค่ารื้อถอน และอุปกรณ์เครื่องจักรที่นำมาใช้ทั้งหมดตามความเป็นจริง พร้อมทั้งลงบันทึกประจำวันกับตำรวจด้วย ส่วนของกลางที่เจ้าหน้าที่ขนย้าย จะนำทรัพย์สินที่มีมูลค่าของกลางที่ตกเป็นของแผ่นดิน ไปเก็บที่ค่ายทหาร ค่ายพ่อขุนบางกลางหาว กองพันทหารม้าที่ 28 จ.เพชรบูรณ์ รอเวลา 1 ปี จากนั้นจะนำขายทอดตลาด ส่วนกองเศษหินและเศษไม้ที่ทุบทำลาย จะขนย้ายไปทิ้งบริเวณบ่อดิน กรมชลประทาน จ.เพชรบูรณ์ สำหรับภาพรวมการรื้อถอนวันนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี คาดว่าใน 1 สัปดาห์ จะรื้อถอนแล้วเสร็จทั้ง 19 รีสอร์ท จากนั้นจะทยอยรื้อถอนรีสอร์ทอื่นที่ผิดกฎหมายต่อไป
ด้านนายบัณฑิตย์ เทวีทิวารักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า จะไม่ขยายเวลาให้ผู้ประกอบการ รีสอร์ทอีก โดยจะรื้อถอนต่อเนื่องจนแล้วเสร็จ เนื่องจากที่ผ่านมา ผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล และละเมิดคำสั่งศาลมาโดยตลอด เช่น โรงเตี้ยม ศาลพิพากษานาน 5 ปี แต่ไม่หยุดกิจการและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง แต่กลับขยายกิจการเพิ่มเติม ซึ่งเป็นการใช้ทรัพยากรประเทศเพื่อผลประโยชน์ตนเอง จึงไม่สามารถผ่อนผันได้อีก ทั้งนี้ อยากขอความร่วมมือนักท่องเที่ยว อย่าสนับสนุนผู้กระทำผิดกฎหมาย เช่น สร้างอาคารที่พักในพื้นที่ผิดกฎหมาย