นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) บริษัทในกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจเอสเอ็มอีเติบโตขึ้นเป็นลำดับ ส่วนหนึ่งมาจากการดำเนินนโยบายส่งเสริมธุรกิจเอสเอ็มอีของภาครัฐ และธนาคารพาณิชย์เองได้มีการปล่อยสินเชื่อให้กลุ่มเอสเอ็มอีมากขึ้น ในระยะต่อไปการขยายตัวของสินเชื่อกลุ่มนี้จึงมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากวิกฤตภัยแล้งที่คลี่คลาย ทิศทางการเมืองที่มีความชัดเจนขึ้นภายหลังการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ และการจับจ่ายใช้สอยทั้งสินค้าและบริการของผู้บริโภคสูงขึ้น สำหรับแนวทางการสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของธนาคารเกียรตินาคินนั้น ธนาคารได้สนับสนุนนโยบายของภาครัฐในการเข้าร่วมโครงการต่างๆ เพื่อสนับสนุนกลุ่มเอสเอ็มอีแล้ว ธนาคารเองยังมุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าเอสอีขนาดเล็ก โดยใช้สินเชื่อ KK SME รถคูณ 3 เป็นผลิตภัณฑ์หลัก ซึ่งหลังจากทดลองทำการตลาดไปเมื่อช่วงต้นปี ณ ปัจจุบันสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ไปราว 1,000 ล้านบาท สร้างฐานลูกค้าใหม่กว่า 500 ราย และโดยรวมมีคุณภาพหนี้ที่ดี
ดร.อนุชิต อนุชิตานุกูล ประธานสายพัฒนาระบบงาน ช่องทางขายและผลิตภัณฑ์ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) บริษัทในกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กล่าวถึงแผนการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มนี้ว่า ที่ผ่านมาเกียรตินาคินให้ความสำคัญกับกลุ่มเอสเอ็มอีมาโดยตลอด เพียงแต่เน้นให้บริการสินเชื่อในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ธนาคารมีความเชี่ยวชาญ อาทิ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจอพาร์ตเม้นต์และโรงแรม ธุรกิจสิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ มาถึงวันนี้เห็นได้ว่าเอสเอ็มอีขนาดเล็กเป็นตลาดที่สำคัญ ซึ่งผลิตภัณฑ์สินเชื่อ KK SME รถคูณ 3 นี้ ส่งผลให้ธนาคารมีโอกาสขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีขนาดเล็กซึ่งเป็นฐานลูกค้าขนาดใหญ่ โดยผลจากการทดลองทำการตลาดพบว่า ปัจจัยหลักที่ลูกค้าเลือกใช้บริการสินเชื่อ KK SME รถคูณ 3 นั้น เนื่องจากลูกค้าสามารถใช้รถยนต์เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันแล้วได้รับวงเงินสูงสุดถึง 3 เท่าของมูลค่ารถ ซึ่งทำให้ลูกค้าได้รับวงเงินเพียงพอต่อการต่อยอดธุรกิจ นอกจากนี้ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่างๆ ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเมื่อเปรียบเทียบกับสินเชื่อธุรกิจอื่นๆ
สำหรับช่องทางการให้บริการสินเชื่อ KK SME รถคูณ 3 นั้น ธนาคารได้เตรียมผู้แทนการตลาดที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะผลิตภัณฑ์ เพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างทั่วถึง ขณะเดียวกัน กิจกรรมทางการตลาดอื่นๆ ก็จะจัดให้มีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในเร็วๆ นี้ จะมีการเปิดตัว Viral Clip ชุดใหม่ของธนาคารเพื่อสร้างกระแสการรับรู้ต่อผลิตภัณฑ์ในชื่อว่า "พลอยนักสู้" โดยเป็นเรื่องของพลอย เด็กสาวผู้ชื่นชอบการทำขนม แต่ก็มีอีกสิ่งที่เป็นความรักคือการเป็นนักมวยหญิง โดยได้มุ่งมั่นฝึกซ้อมอย่างเต็มที่เพื่อมุ่งสู่ฝัน พลอยจะใช้วิธีการชกข้ามรุ่นกับคู่ต่อสู้ที่รุ่นใหญ่กว่า เพราะเชื่อว่าจะเป็นการก้าวไปสู่นักมวยอาชีพได้เร็วขึ้น เช่นเดียวกันผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ถ้าเข้าสู่สังเวียนการทำธุรกิจแล้ว การตั้งเป้าหมายที่ยากและใหญ่ขึ้น จะทำให้ธุรกิจแข็งแกร่งและนำไปสู่ความสำเร็จได้ ซึ่ง KK SME รถคูณ 3 จะเป็นส่วนหนึ่งที่พานักสู้เอสเอ็มอี ต่อสู้กับทุกอุปสรรค…ถ้าคุณสู้ เราพร้อมสู้ไปกับคุณ
นายปพนธ์ มังคละธนะกุล ผู้ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาธุรกิจ บริษัท ล้มยักษ์ จำกัด ที่ปรึกษาของธนาคารเกียรตินาคินในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเอสเอ็มอีระบุว่า เอสเอ็มอีไทยมีศักยภาพในการเติบโตสูง หากได้รับการสนับสนุนอย่างครบด้าน อาทิ การวางกลยุทธ์ การพัฒนาสินค้าและช่องทางขาย การเข้าถึงแหล่งเงินทุน ส่งเสริมองค์ความรู้ และสร้างมูลค่าทางนวัตกรรม โดยจากประสบการณ์ที่ให้คำปรึกษากับกลุ่มเอสเอ็มอีขนาดเล็ก (รายได้ของกิจการประมาณ 5-30 ล้านบาทต่อปี) พบว่าอุปสรรคสำคัญที่สุดของผู้ประกอบการคือขาดแหล่งเงินทุน เนื่องจากเอสเอ็มอีขนาดเล็กยังมีสินทรัพย์ที่ใช้ประกอบธุรกิจค่อนข้างจำกัด และส่วนใหญ่ยังไม่มีอสังหาริมทรัพย์ที่จะนำมาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันสินเชื่อ ในทางกลับกันผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายเล็กนี้มีสัดส่วนมากกว่า 90% ของเอสเอ็มอีไทย และมีอัตราการเติบโตมากกว่ากลุ่มอื่น จึงเป็นโอกาสของธนาคารพาณิชย์ในการจับตลาดกลุ่มนี้ ถึงแม้ว่ามีผู้เล่นอยู่แล้วก็ตาม แต่ในมุมของความแตกต่าง ผลิตภัณฑ์สินเชื่อ KK SME รถคูณ 3 ของธนาคารเกียรตินาคิน ถูกออกแบบมาเพื่อสนองความต้องการของเอสเอ็มอีขนาดเล็กได้อย่างตรงจุดในแง่ของหลักค้ำประกัน ที่สามารถใช้รถยนต์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่เอสเอ็มอีส่วนใหญ่มี ในขณะที่ธนาคารอื่นๆ มักใช้อสังหาริมทรัพย์ค้ำประกันเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การได้สินเชื่อจากสถาบันการเงินจะเติมเต็มการทำธุรกิจให้ผู้ประกอบการ แต่การอยู่รอดขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการ การคุมต้นทุน และสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจของตัวเองด้วยเช่นกัน และอีกด้านหนึ่งคือคนไทยต้องอุดหนุนสินค้าเอสเอ็มอีไทยให้มากขึ้น เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้ไปสู่ผู้ประกอบการรายย่อยมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ KK SME รถคูณ 3 เป็นสินเชื่อแนวคิดใหม่ เป็นครั้งแรกของสถาบันการเงินไทย ที่ผู้ประกอบการสามารถใช้รถยนต์ค้ำประกันสินเชื่อเอสเอ็มอี เนื่องจากเกียรตินาคินผู้นำทางด้านตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ มีทีมงานที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการตรวจสภาพและประเมินราคาหลักประกันที่แม่นยำ โดยให้วงเงินสูงสุด 3 เท่าของมูลค่ารถยนต์ที่ค้ำประกัน มีวงเงินตั้งแต่ 4 แสน - 5 ล้านบาท (สามารถยื่นหลักประกันเพื่อขอสินเชื่อได้สูงสุด 3 คันต่อลูกค้าหนึ่งราย) อัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate) ที่ 14-15% ต่อปี ระยะเวลาการผ่อนชำระ 24-72 เดือน และมีการค้ำประกันวงเงินสินเชื่อจากบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ผู้ประกอบการที่สนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KK Contact Center 02 165 5555 หรือ www.kiatnakin.co.th