นายไพบูลย์ อังคณากรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาซีฟา จำกัด (มหาชน) หรือ ASEFA ผู้ประกอบธุรกิจผลิต จำหน่ายและติดตั้งผลิตภัณฑ์กระจายและส่งจ่ายไฟฟ้า สวิตช์บอร์ดไฟฟ้า รางและบันไดพาดสายไฟฟ้า โคมไฟและระบบส่องสว่าง งานบริการวิศวกรรมที่เกี่ยวข้อง และงานบริการหลังการขายครบวงจร เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการของบริษัทฯในช่วงครึ่งหลังของปี 2559 คาดว่ายังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มั่นใจว่าผลการดำเนินงานปี 2559 ยังเติบโตต่อเนื่องตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เติบโต 15-20% จากปีที่ผ่านมา ล่าสุด ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2559 บริษัทฯมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) กว่า 1,828 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากงานผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตจำหน่าย 60% ผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯ ซื้อมาเพื่อจำหน่ายต่อ 20% และงานบริการ 20% โดยจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ 60-65% ส่วนที่เหลือจะรับรู้รายได้ในปี 2560 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าประมูลงานใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
"ทิศทางของอุตสาหกรรมที่มีความต้องการไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมสื่อสารศูนย์ข้อมูล Data Center ซึ่งเป็นธุรกิจที่เติบโตและเรามีผลงานมากมาย กลุ่มธุรกิจลงทุนโครงการพื้นฐานของประเทศ เช่น โครงการรถไฟฟ้าในกทม.และปริมณฑลและคาดว่าจะมีการขยายไปยังต่างจังหวัดอีก ปัจจุบันบริษัทฯ ได้มีการรับงานรถไฟฟ้าสายสีแดงบางส่วนเพิ่ม ต่อจากสายสีม่วง สีน้ำเงินและสายสีเขียว แผนการพัฒนาและนำสายไฟลงใต้ดินใน กทม. และจังหวัดใหญ่ กลุ่มโรงไฟฟ้าทั้งของรัฐบาล และเอกชน รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน โดยบริษัทฯ ยังมีการรับงานและมีการประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง กลุ่มพัฒนาระบบสาธารณสุขทั้งภาครัฐ และเอกชน ที่มีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีแผนการลงทุนและพัฒนาธุรกิจและพันธมิตรใหม่ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ บริษัทฯ มีความพร้อมและเชี่ยวชาญเพิ่มขึ้น ซึ่งจะสร้างโอกาสเติบโตให้แก่บริษัทฯในอนาคต และสนับสนุนให้ผลประกอบการของบริษัทฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่ง" นายไพบูลย์ กล่าว
ส่วนความคืบหน้าการขยายสาขาไปยังต่างจังหวัดใน 10 จังหวัด หัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าสามารถเปิดดำเนินการได้หมดภายในปีนี้
สำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,314.30 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1,117.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 197.27 ล้านบาท หรือ 18% กำไรสุทธิอยู่ที่ 124.90 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 77.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.54 ล้านบาท หรือ 75% ในขณะที่อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 6.35% เป็น 9.45% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน