สพฉ.กำหนดเกณฑ์คุ้มครองสิทธิผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ ตั้งศูนย์ EMCO Service Center เปิดให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำผู้ป่วยฉุกเฉินต้องเข้ารักษาฟรีในรพ.ที่ใกล้สุด เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา คาดประกาศใช้ธันวาคมนี้

จันทร์ ๒๙ สิงหาคม ๒๐๑๖ ๑๐:๔๐
นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องการดำเนินการคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ตามนโยบาย "เจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาทุกที่ ดีทุกสิทธิ" กรณีการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดว่า ที่ประชุม กพฉ. ซึ่งประกอบด้วย กระทรวงสาธารณสุข สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักงานประกันสังคม(สปส.) และกรมบัญชีกลาง มีมติกำหนดให้จัดทำแนวทางการปฏิบัติในการคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ในโรงพยาบาลเอกชนนอกคู่สัญญา 3 กองทุน ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตได้รับ การคุ้มครองสิทธิในการเข้าถึงบริการ อย่างปลอดภัยโดยไม่มีเงื่อนไขในการเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาล เพื่อให้ไม่เป็นอุปสรรคและเกิดความเสี่ยงของการดูแลรักษา

โดยผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติจะต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลเอกชนนอกคู่สัญญาก็ตาม ซึ่งโรงพยาบาลจะคัดแยกผู้ป่วยตามแนวทางที่ สพฉ.กำหนดให้ และกรณีที่ปัญหาในการคัดแยก เช่นความเห็นแพทย์ และศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการวินิจฉัยไม่ตรงกัน ให้ปรึกษาEMCO Service Center ของ สพฉ.ได้ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้โรงพยาบาลที่ให้การดูแลรักษาผู้ป่วยจะต้องได้รับชดเชยค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานับตั้งแต่รับผู้ป่วยจนถึง 72 ชั่วโมง ในอัตราที่ สพฉ.กำหนด และกองทุนเจ้าของสิทธิจะต้องตามจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ตามหลักเกณฑ์

ยืนยันว่าผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติจะได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที และหากมีปัญหาในการวินิจฉัยที่ไม่ตรงกัน ที่ประชุมมีข้อสรุปให้ทำการรักษาไปก่อน แล้วค่อยมาเคลียร์กันภายหลัง เพราะหลักการสำคัญคือต้องไม่ปล่อยทิ้งผู้ป่วยไว้กลางห้องฉุกเฉินเด็ดขาด โดยหลังการดำเนินงาน 6 เดือนแรก จะมีการประเมินติดตามเพื่อการปรับปรุงอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามข้อเสนอดังกล่าว จะต้องนำเสนอให้คณะกรรมการการของทั้ง 3 กองทุนพิจารณาอีกครั้ง ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ ซึ่งคาดว่าจะประกาศและใช้ได้จริงภายในเดือน ธ.ค.นี้

นพ.อนุชา ยังกล่าวต่อถึง เกณฑ์การคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ ว่า คือบุคคลซึ่งได้รับบาดเจ็บหรือมีอาการป่วยกะทันหันซึ่งมีภาวะคุกคามต่อชีวิต ซึ่งหากไม่ได้รับปฏิบัติการแพทย์ทันทีเพื่อแก้ไขระบบการหายใจ ระบบไหลเวียนเลือดหรือระบบประสาทแล้ว ผู้ป่วยจะมีโอกาสเสียชีวิตได้สูง หรือทำให้การบาดเจ็บเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นได้อย่างฉับไว โดยอาการที่เข้าข่ายฉุกเฉิน อาทิ ไม่รู้สึกตัว , ไม่หายใจ , หายใจผิดปกติ , แน่นหน้าอก , แขนขาอ่อนแรง พูดลำบาก เป็นต้น

ทั้งนี้ การเตรียมการทั้งหมดนี้ เพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ที่จะได้เข้ารักษาในโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้และมีความพร้อมทั้งโรงพยาบาลของรัฐและเอกชน เพื่อให้ผู้ป่วยฉุกเฉินปลอดภัย ลดการสูญเสีย โดยผู้ป่วยฉุกเฉิน หากมีอาการฉุกเฉิน ควรโทรแจ้งที่สายด่วน 1669 ก่อนเพื่อให้ได้รับการประเมินอาการ และเข้ารับการรักษาตามระบบ นอกจากนี้ยังเป็นการป้องกันปัญหาการถูกเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลด้วย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๒:๐๐ ARDA จับมือ ฟาร์ม เอ็กซ์โป และพันธมิตร เปิดศึก AGRITHON by ARDA Season 2 เฟ้นหาสุดยอดไอเดียปลุกพลังนวัตกรรมเกษตรไทย ชิงทุนวิจัยรวมกว่า 100
๑๒:๐๐ กรุงศรี ฉลอง 80 ปี ดูหนัง 80 บาท ที่ Major Cineplex เมื่อชำระด้วยบัตรกรุงศรี เดบิตและบัตร Krungsri Boarding
๑๑:๒๐ แบรนด์ซุปไก่สกัด รณรงค์ขับขี่ปลอดภัยในโครงการ สมองล้าอย่าขับ พักดื่มแบรนด์ จับมือ ตำรวจทางหลวง และ ตำรวจจราจร
๑๑:๐๐ ซัมซุงจัดใหญ่! เป็นเจ้าของ ตู้เย็น Side by Side รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมรับสิทธิพิเศษแบบจุใจ ได้แล้ววันนี้
๑๑:๐๗ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดกนง.มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนเมษายนนี้
๑๑:๓๐ EXIM BANK ร่วมกับกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs รับมือนโยบายภาษีแบบตอบโต้ของสหรัฐฯ
๑๑:๓๓ ปักหมุด! เตรียมจัดงาน PET Expo Thailand 2025 จัดยิ่งใหญ่ครบรอบ 25 ปี
๑๑:๐๙ ลดคลายร้อน ช้อปแลคตาซอย 1,000 ลด 100 พร้อมชวนร่วมสนุกถ่ายภาพคู่แลคตาซอย ลุ้น 10 รางวัล
๑๑:๐๗ DITP ประชุมผู้จัดแสดงสินค้า เตรียมความพร้อมสู่เวที THAIFEX - ANUGA ASIA 2025
๑๑:๓๑ โรงแรมเครือดุสิตธานี เปิดตัวโปรพิเศษต้อนรับซัมเมอร์ 'A Night on Us' เติมเต็มวันพักผ่อนอย่างมีความสุขกับโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตธานีทั่วโลก