ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาความรู้ผลิตภัณฑ์ระดับภูมิภาค ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค อะคาเดมี เผยว่า "คอลลาเจนได้ชื่อว่าเป็นโปรตีนแห่งความอ่อนเยาว์ เพราะพบมากที่สุดในผิวหนัง ทำให้ผิวหนังตึงกระชับ เนียนนุ่มชุ่มชื่น แต่เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ คอลลาเจนในร่างกายจะลดลงเรื่อยๆ ตามอายุที่มากขึ้น ส่งผลให้ผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอยแห้งกร้าน จึงเริ่มมีการใช้คอลลาเจนเปปไทด์ ซึ่งเป็นคอลลาเจนที่ผ่านการย่อยลดขนาดให้ร่างกายนำไปใช้ชดเชยคอลลาเจนที่สูญเสียไป ส่งเสริมผิวอ่อนเยาว์
แต่คอลลาเจนก็พบในกระดูกและข้อต่อด้วย แม้ปริมาณจะน้อยกว่าในผิวหนัง และเราอาจไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงเมื่อมันลดลงตามอายุ แต่ก็สำคัญยิ่งในการช่วยผสานแคลเซียมในเนื้อกระดูกให้แข็งแรง และเป็นส่วนประกอบของกระดูกอ่อนที่รองรับข้อต่ออีกด้วย การสูญเสียคอลลาเจนตามอายุจึงอาจส่งผลให้กระดูกสูญเสียแคลเซียม ยิ่งถ้าไม่ได้รับแคลเซียมเสริมเพียงพอยิ่งเสี่ยงกระดูกบาง กระดูกพรุน ส่วนในผู้ที่ใช้งานข้อต่อมากๆ ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก ผู้สูงอายุ ก็เสี่ยงข้อเสื่อมเสียหาย ส่งผลให้ปวดข้อเข่าได้ ซึ่งงานวิจัยพบว่า คอลลาเจนเปปไทด์ช่วยเพิ่มจำนวนเซลล์สร้างกระดูก และเมื่อกิน 10 กรัม หรือ 2-3 ช้อนชาทุกวัน อย่างน้อย 2 เดือน พบว่าช่วยลดความเจ็บปวด ปัญหาข้อเข่า
ดังนั้น หากคิดจะหาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทคอลลาเจนมาบริโภคเสริมเป็นประจำทุกวัน เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ก็ควรพิจารณาถึงประโยชน์จากสูตรและความปลอดภัย เช่น เลือกผู้ผลิตที่เชื่อถือได้ เลือกสูตรที่มีคอลลาเจนเปปไทด์ขนาดโมเลกุลเล็ก ผลิตภัณฑ์ไม่ควรเจือสารสังเคราะห์แต่งกลิ่นสี น้ำตาล หรือ ครีมเทียมที่มีไขมัน เพราะหากกินประจำทุกวันก็จะได้สารที่ไม่จำเป็นทุกวันไปด้วย ที่สำคัญควรกินอาหารที่อุดมด้วยโปรตีน แคลเซียม เป็นประจำสม่ำเสมอ ร่วมกับการควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้อ้วนด้วย เพื่อลดความเสี่ยงปัญหากระดูกบาง กระดูกพรุน และ ข้อเสื่อม และหากมีปัญหาสุขภาพก็ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเสมอ"
เมื่อทราบเคล็ดลับดีๆ ก็อย่าลืมนำไปปฏิบัติตาม และควรเลือกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทคอลลาเจน จากผู้ผลิตที่เชื่อถือได้ หรือสูตรที่ปลอดภัย ไม่เจือสารสังเคราะห์ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง