นายกิติพัฒน์ ชลวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยลักซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TLUXE เปิดเผยถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทฯในช่วงครึ่งหลังของปี 2559 ว่า จะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจการเกษตร แนวโน้มยอดขายธุรกิจอาหารสัตว์ อย่างเช่น อาหารกุ้งและอาหารปลาจะเริ่มมีการเติบโตขึ้น หลังจากในช่วงที่ผ่านมาผู้เลี้ยงสัตว์น้ำประสบปัญหาภัยแล้ง แต่เชื่อว่าหลังจากนี้ไป เมื่อเข้าสู่ช่วงหน้าฝน ผู้เลี้ยงสัตว์น้ำจะกลับมาเลี้ยงสัตว์ตามปกติ ประกอบกับในช่วงครึ่งปีหลังจะเริ่มมีรายได้จากธุรกิจพลังงานเข้ามา ซึ่งทำให้ผลการดำเนินงานทั้งรายได้ กำไร ในครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก 2559 อย่างแน่นอน
สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯและบริษัทย่อยในไตรมาส 2/59 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2559 มีผลกำไรสุทธิรวม 28.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 319.70 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6.70 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากรายได้อื่น ซึ่งมีกำไรจากเงินลงทุนในหลักทรัพย์และอัตราแลกเปลี่ยน ดอกเบี้ยรับ บริษัทฯมีรายได้อื่นรวมเพิ่มขึ้น 67.51 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 4,066.87 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และมีรายได้รวม 410.46 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3.86 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 426.95 ล้านบาท
"ผลงานในไตรมาส 2 ที่ออกมาถือว่าเป็นที่น่าพอใจ ผลประกอบการกลับมาฟื้นตัวขึ้นจากไตรมาสแรกของปีนี้ อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจการเกษตร แนวโน้มยอดขายธุรกิจอาหารสัตว์ อย่างเช่น อาหารกุ้งและอาหารปลาจะเริ่มมีการเติบโตขึ้น รวมถึงการรับจ้างผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง บริษัทฯได้ดำเนินปรับปรุงไลน์การผลิตอาหารปลา ทั้งโรงงานเพชรบุรี และโรงงานสงขลาเรียบร้อยแล้ว โดยสามารถผลิตอาหารปลาร่วมกับอาหารสัตว์เลี้ยงได้ โดยในไตรมาส 2/59 มีรายได้จากการรับจ้างผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คิดเป็นร้อยละ 466.93 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน" นายกิตติพัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้ ในไตรมาส 2/59 เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2559 ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯได้มีมติอนุมัติให้จำหน่ายเงินลงทุนทั้งหมดใน บริษัท ไทยลักซ์ ฟู้ด โปรดักส์ จำกัด ซึ่งบริษัทถือหุ้นอยู่ในสัดส่วนร้อยละ 55 ของหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทย่อยดังกล่าว โดยมีมูลค่าการซื้อขายจำนวน 34 ล้านบาท และอนุมัติให้จำหน่ายเงินลงทุนทั้งหมดในบริษัท เอ็นพีพี ฟู้ด อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งบริษัทถือหุ้นอยู่ในสัดส่วนร้อยละ 45 ของหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทร่วมดังกล่าว โดยมีมูลค่าการซื้อขายจำนวนเงินประมาณ 45 ล้านบาท บริษัทฯจะจำหน่ายเงินลงทุนดังกล่าวให้แก่บริษัทที่ไม่เกี่ยวข้องกันแห่ง หนึ่ง โดยบริษัทฯได้ลงนามในสัญญาจะซื้อจะขายหุ้นกับผู้ซื้อเพื่อทำธุรกรรมดังกล่าว ข้างต้นแล้วเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา และได้รับชำระเงินค่าหุ้นแล้วร้อยละ 50 ในวันเดียวกัน ส่วนที่เหลือจะได้รับชำระภายใน 3 เดือนนับจากวันที่ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น