ประชาชน 76.19% เห็นด้วยกับการใช้มาตรา 44 แก้ปัญหานักเรียนตีกัน ร้อยละ 75.51 เห็นด้วยให้กักบริเวณในค่ายทหาร ขณะที่ร้อยละ66.61 คิดว่าควรกำหนดโทษกับสถาบันการศึกษาที่มีเด็กนักเรียนตีกันให้หนักขึ้น

พฤหัส ๐๑ กันยายน ๒๐๑๖ ๐๙:๔๖
ศ. ดร.ศรีศักดิ์ จามรมาน ประธานกรรมการอาวุโส ,อาจารย์พรพิสุทธิ์ มงคลวนิช ประธานกรรมการ ,ดร.พิสิฐ พฤกษ์สถาพร กรรมการรองผู้อำนวยการ และอาจารย์วัฒนา บุญปริตร กรรมการรองผู้อำนวยการสำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม (ระดับอุดมศึกษา) แถลงผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลต่อการบังคับใช้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวในการแก้ไขปัญหาเด็กนักเรียนทะเลาะวิวาท โดยได้ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 24 ถึง 29 สิงหาคม พ.ศ. 2559 จากกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 1,157 คน

ศ.ดร.ศรีศักดิ์กล่าวว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ออกคำสั่งตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวเรื่องมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียนและนักศึกษาลงวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2559 โดยมีเนื้อหาว่า ปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียนและนักศึกษาก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิต ร่างกายและทรัพย์สิน รวมทั้งเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและสังคม แต่เนื่องจากมาตรการทางกฎหมายที่มีอยู่ไม่สามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาได้ทันต่อสถานการณ์ ทำให้เกิดอุปสรรคในการดำเนินการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียนและนักศึกษา จึงจำเป็นต้องกำหนดมาตรการทางกฎหมายเพิ่มเติมอันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปและจัดระเบียบในสังคม โดยกำหนดให้เจ้าพนักงานกักตัวผู้ก่อเหตุ หรือเตรียมก่อเหตุไม่เกิน 6 ชั่วโมง พ่อแม่ผู้ปกครองต้องทำทัณฑ์บนหรือวางเงินประกัน หากลูกหลานทำผิดซ้ำถูกริบเงิน เอาผิดผู้ยุยง ส่งเสริม สนับสนุน ติดคุกตั้งแต่ 3 ถึง 1 ปี ขณะที่สถาบันการศึกษาต่างๆต้องทำมาตรการป้องกันและแก้ไขโดยด่วน ซึ่งคำสั่งดังกล่าวได้รับการตอบรับจากผู้คนในสังคมเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามถึงแม้คำสั่งดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้มากว่า 2 เดือนแล้ว แต่ยังคงปรากฎข่าวปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียนนักศึกษาอยู่เป็นระยะและมีแนวโน้มมาปัญหาดังกล่าวยังคงไม่ลดลงไป ซึ่งหลายภาคส่วนในสังคมได้ออกมาแสดงความห่วงใยวิพากษ์วิจารณ์ถึงปัญหาดังกล่าว โดยบางส่วนมีความคิดเห็นว่ามาตรการที่กำหนดยังคงเบาไปและไม่เด็ดขาดจึงทำให้ปัญหาเด็กนักเรียนตีกันยังคงเกิดขึ้น จากประเด็นดังกล่าว สำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์จึงได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลต่อการบังคับใช้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวในการแก้ไขปัญหาเด็กนักเรียนทะเลาะวิวาท

ศ.ดร.ศรีศักดิ์กล่าวต่อว่า จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดอายุ 15 ปีขึ้นไปซึ่งเป็นเพศหญิงร้อยละ 50.68 และเพศชายร้อยละ 49.32 สามารถสรุปผลได้ดังนี้ ในด้านความคิดเห็นต่อการใช้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวแก้ปัญหาเด็กนักเรียนทะเลาะวิวาทนั้น กลุ่มตัวอย่างมากกว่าสามในสี่หรือคิดเป็นร้อยละ 76.19 เห็นด้วยกับการใช้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวในการแก้ไขปัญหาเด็กนักเรียนทะเลาะวิวาท ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 16.61 ไม่เห็นด้วย ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 7.2 ไม่แน่ใจ อย่างไรก็ตามกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความคิดเห็นว่าการที่เจ้าหน้าที่มีอำนาจกักตัวเด็กนักเรียนที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทไว้ไม่เกิน 6 ชั่วโมงนั้นเป็นเวลาที่น้อยเกินไปซึ่งคิดเป็นร้อยละ 40.42 ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 32.71 มีความคิดเห็นว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมแล้ว ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 18.56 มีความคิดเห็นว่าเป็นเวลาที่มากเกินไป และกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 8.31 ไม่แน่ใจ และหลังจากมีการใช้มาตรา 44 แก้ไขปัญหาเด็กนักเรียนทะเลาะวิวาทมาได้ประมาณ 2 เดือน กลุ่มตัวอย่างประมาณครึ่งหนึ่งซึ่งคิดเป็นร้อยละ 50.17 รู้สึกว่าปัญหาการทะเลาะวิวาทของเด็กนักเรียนยังมีเท่าเดิม ขณะที่มีกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 28.22 รู้สึกว่าปัญหาเพิ่มขึ้น โดยที่มีกลุ่มตัวอย่างเพียงร้อยละ 21.61 ที่รู้สึกว่าปัญหาลดลง

ในด้านความคิดเห็นต่อปัญหาการทะเลาะวิวาทของเด็กนักเรียนนั้น กลุ่มตัวอย่างเกือบสามในสี่หรือคิดเป็นร้อยละ 74.83 มีความคิดเห็นว่าการลงโทษสถานเบากับเด็กนักเรียนที่ก่อปัญหาทะเลาะวิวาทด้วยการตักเตือน อบรม ทำทัณฑ์บน ไม่เพียงพอที่จะทำให้เด็กนักเรียนเหล่านั้นเกิดความสำนึกไม่กลับมาก่อเหตุทะเลาะวิวาทอีก นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างมากกว่าสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 68.56 มีความคิดเห็นว่าการนำเด็กนักเรียนต่างสถาบันที่ก่อปัญหาทะเลาะวิวาทมาเข้าค่ายทำกิจกรรมร่วมกันจะไม่มีส่วนช่วยลดปัญหาเด็กนักเรียนทะเลาะวิวาทได้ ขณะเดียวกันกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 70.34 มีความคิดเห็นว่าพฤติกรรม/คำพูดของศิษย์เก่าหรือบรรดาครูอาจารย์ที่เป็นศิษย์เก่ามีอิฐธิพลต่อการตัดสินใจก่อปัญหาทะเลาะวิวาทของเด็กนักเรียนในรุ่นปัจจุบันได้

ในด้านความคิดเห็นต่อการแก้ปัญหาเด็กนักเรียนทะเลาะวิวาทนั้น กลุ่มตัวอย่างประมาณสามในสี่หรือคิดเป็นร้อยละ 75.51 เห็นด้วยกับการลงโทษเด็กนักเรียนที่ก่อปัญหาทะเลาะวิวาทด้วยการกักบริเวณในค่ายทหาร กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 73.56 เห็นด้วยที่จะให้เด็กนักเรียนที่ก่อปัญหาทะเลาะวิวาทไปบำเพ็ญประโยชน์สาธารณะ เช่น เก็บกวาดขยะ ลอกท่อระบายน้ำ/คูคลอง เป็นต้น ขณะที่กลุ่มตัวอย่างประมาณสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 66.61 มีความคิดเห็นว่าควรมีการกำหนดโทษกับสถาบันการศึกษาที่มีเด็กนักเรียนก่อปัญหาทะเลาะวิวาทให้หนักขึ้นและเด็ดขาดกว่าในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามกลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งคิดเป็นร้อยละ 55.17 ไม่เห็นด้วยหากจะมีการกำหนดบทลงโทษทางอาญากับพ่อแม่ผู้ปกครองที่บุตรหลานไปก่อเหตุทะเลาะวิวาท

และเมื่อเปรียบเทียบความเหมาะสมของวิธีการจัดการปัญหาเด็กนักเรียนทะเลาะวิวาทระหว่างการขึ้นบัญชีเกณฑ์ทหารกับการเข้าค่ายฝึกอบรมระเบียบวินัยตามแนวของทหารนั้น กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 42.71 มีความคิดเห็นว่าการให้เด็กนักเรียนเข้าค่ายฝึกอบรมระเบียบวินัยตามแนวของทหารมีความเหมาะสมกว่า ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 30.68 มีความคิดเห็นว่าให้ขึ้นบัญชีเกณฑ์ทหารมีความเหมาะสมกว่า ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 17.88 มีความคิดเห็นว่าเหมาะสมทั้งสองวิธี และกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 8.73 ไม่แน่ใจ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version