นายชินสึเกะ ยูอาสะ ประธาน บริษัท ไทยโอซูก้า จำกัด ผู้เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เปิดเผยว่า ภาพรวมแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจอาหารทางการแพทย์ในเมืองไทยแนวโน้มอัตราการติบโตอย่างต่อเนื่อง จากแนวโน้มการขยายตัวของตลาดเมืองไทยที่มีแนวโน้มดีบริษัทจึงให้ความสำคัญกับการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุม โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพ โดยได้ตั้งเป้าหมายเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจของผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์อาหาร เช่นเดียวกับที่ประเทศญี่ปุ่นซึ่งบริษัทเป็นผู้นำผลิตภัณฑ์ดังกล่าวอยู่
ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำตาล ควบคุมน้ำหนัก เช่น ผู้ที่มีปัญหาการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ผู้ป่วยเบาหวานที่มีน้ำหนักเกิน ผู้ที่ต้องการควบคุมระดับไขมันในเลือด ผู้ที่ต้องการรับประทานอาหารสุขภาพ ใช้รับประทานแทนอาหารได้ มีจุดเด่นคือ สารอาหารที่ครบถ้วนตามที่สารอาหารที่แนะนำให้บริโภคประจำวัน กำหนด โดยมีค่าดัชนีน้ำตาลเพียง 27.29 ค่อยๆปลดปล่อยน้ำตาลอย่างช้าๆ มีโปรตีนประเภทโปรตีนเวย์สูง ไขมันชนิดดีสูงคือ MUFA ช่วยลดโอกาสการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ และเป็นผลิตภัณฑ์เดียวที่มี Fish Oil เสริมในสูตรสำหรับเบาหวาน จากคุณสมบัติดังกล่าวอาหารทางการแพทย์ที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด The Best in Class ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการควบคุมน้ำตาล ควบคุมน้ำหนักได้อย่างลงตัว
"อาหารทางการแพทย์ที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ เป็นผลิตภัณฑ์พรีเมี่ยมในกลุ่มสำหรับเบาหวานและควบคุมน้ำหนัก บริษัทวางเป้าหมายที่จะเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้ปานกลางถึงสูง เนื่องจากกลุ่มนี้มีความรู้เรื่องการดูแลรักษาสุขภาพเป็นอย่างดีและจะเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงสำหรับตัวเองและคนในครอบครัว"
นายชินสึเกะ กล่าวต่อไปว่า กลยุทธ์การทำตลาดของอาหารทางการแพทย์ที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ จะให้ความสำคัญกับการให้ข้อมูลบุคลากรทางการแพทย์ซึ่งเป็นกลุ่มสำคัญที่จะให้คำแนะนำข้อมูลด้านสุขภาพกับคนไข้โดยบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะให้บุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลคนไข้เบาหวาน โรคอ้วน รู้จักอาหารทางการแพทย์ที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำอย่างน้อย 30% ของจำนวนทั้งหมดในไทย ซึ่งบริษัทมีการวิจัยพัฒนาสูตรอาหารใหม่ๆเพื่อให้เหมาะกับความต้องการของผู้บริโภคได้หลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการ อาทิ ผู้สูงอายุที่มีปัญหาเกี่ยวกับไต ผู้ที่รับประทานอาหารได้น้อย ผู้ที่มีปัญหาเรื่องการดูดซึม โดยบริษัทจะเน้นขายและกระจายสินค้าผ่านช่องทางร้านขายยามากขึ้นเพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงของผู้บริโภค นอกเหนือจากการวางจำหน่ายผ่านโรงพยาบาล หน่วยโภชนบำบัดในโรงพยาบาล
ซึ่งผู้บริโภคจะสามารถเข้าถึงข้อมูลของผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ ได้ทุกช่องทาง ทั้งผ่านการแนะนำการใช้โภชนาการโดยบุคลากรทางการแพทย์ Call Center, Thai Otsuka Nutrition Club, Face book, บูธแสดงสินค้า, ร้านขายยาชั้นนำของประเทศ, การจัดกิจกรรมให้ความรู้ทางวิชาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและทางสื่อ Social ต่างๆ ทั้งนี้จากการรุกตลาดครอบคลุมทุกกลุ่มดังกล่าวบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของตลาดผลิตภัณฑ์โภชนาการเบาหวานของเมืองไทยในปี 2022 จากปัจจุบันที่มีส่วนแบ่งตลาดโภชนาการโรคเบาหวานอยู่ประมาณ 30% และคาดว่าจะเติบโตขึ้นอีกกว่า 300% ในปี 2560