นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เอ็มเอฟซีเปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี สเตเบิ้ล อินคัม ฟันด์ 22 (MSI 22) ซึ่งลงทุนตราสารหนี้ที่ออกโดยภาครัฐและเอกชนทั้งในและนอกประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท อายุประมาณ 3 ปี ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติทุก 3 เดือนเฉพาะผลตอบแทนในอัตราเฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 2.70 ต่อปีของมูลค่าหน่วยลงทุนที่ตราไว้ (10 บาท) เมื่อกองทุนเปิด MSI 22 ครบอายุกองทุน บริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติทั้งหมด และสับเปลี่ยนไปยังกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี พันธบัตรตลาดเงินหรือกองทุนเปิด MM-GOV เพื่อสนับสนุนการลงทุนของผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างต่อเนื่องต่อไป
กองทุนเปิด MSI 22 จะเน้นนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดี เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งชาติ พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ตราสารหนี้ที่ออกโดยนิติบุคคลที่มีกฏหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น ตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์ หรือธนาคารต่างประเทศ หรือตราสารหนี้เอกชนที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) ซึ่งกองทุนเปิด MSI 22 จะลงทุนเพียงครั้งเดียว และถือทรัพย์สินไว้จนครบอายุของทรัพย์สินนั้น นอกจากนี้กองทุนจะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินแบบเต็มจำนวน (Fully hedge) ทั้งนี้ ปัจจัยความเสี่ยงที่อาจมีผลต่อกองทุน ได้แก่ ความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร และความเสี่ยงจากการลงทุนในต่างประเทศ
กองทุนเปิด MSI 22 เหมาะสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ และคาดหวังผลตอบแทนในระยะปานกลางถึงระยะยาว โดยสามารถลงทุนได้อย่างน้อยประมาณ 3 ปี และผู้ลงทุนต้องศึกษาข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน
ตัวอย่างตราสารที่คาดว่ากองทุนจะลงทุน ได้แก่ หุ้นกู้บริษัทซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) อันดับความน่าเชื่อถือ TRIS : A ผลตอบแทนของตราสารในรูปของเงินบาทประมาณร้อยละ 2.24 ต่อปี ลงทุนร้อยละ 8.75 ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับร้อยละ 0.19 ต่อปี หุ้นกู้บริษัทราชธานี ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) อันดับความน่าเชื่อถือ TRIS : BBB+ ผลตอบแทนของตราสารในรูปของเงินบาทประมาณร้อยละ 2.92 ต่อปี ลงทุนร้อยละ 22.75 ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับร้อยละ 0.66 ต่อปี หุ้นกู้บริษัทดับลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) อันดับความน่าเชื่อถือ TRIS : BBB+ ผลตอบแทนของตราสารในรูปของเงินบาทประมาณร้อยละ 3.42 ต่อปี ลงทุนร้อยละ 22.50 ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับร้อยละ 0.77 ต่อปี หุ้นกู้บริษัทอิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) อันดับความน่าเชื่อถือ TRIS : A- ผลตอบแทนของตราสารในรูปของเงินบาทประมาณร้อยละ 2.47 ต่อปี ลงทุนร้อยละ 23 ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับร้อยละ 0.57 ต่อปี และหุ้นกู้บริษัทเมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) อันดับความน่าเชื่อถือ TRIS : BBB ผลตอบแทนของตราสารในรูปของเงินบาทประมาณร้อยละ 3.07 ต่อปี ลงทุนร้อยละ 23 ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับร้อยละ 0.71 ต่อปี โดยกองทุนอาจพิจารณาลงทุนในตราสารอื่นแทนหรือเพิ่มเติมซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือในอันดับที่สามารถลงทุนได้ คือ ไม่ต่ำกว่า BBB-
ประมาณการผลตอบแทนจากการลงทุนของกองทุนเปิด MSI 22 ร้อยละ 2.90 ต่อปี ประมาณการค่าใช้จ่ายกองทุนร้อยละ 0.20 และประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายร้อยละ 2.70 ต่อปี หากไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้เนื่องจากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป บริษัทจัดการอาจไม่รับซื้อคืนหน่วยลงทุนตามอัตราดังกล่าว
สำหรับผู้สนใจสามารถลงทุนขั้นต่ำได้ตั้งแต่ 10,000 บาท โดยติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการลงทุน ความเสี่ยง ผลการดำเนินงานของกองทุนหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) โทรศัพท์ 0-2649-2000 ติดต่อฝ่ายวางแผนการลงทุน กด 2 หรือ Contact Center กด 0 สาขาแจ้งวัฒนะ โทร.0-2835-3055-57 สาขาปิ่นเกล้า โทร. 0-2014-3150-2 สาขาขอนแก่น โทร.043-204-014 สาขาเชียงใหม่ โทร. 053-288-955 สาขาภูเก็ต โทร.076-307-070 สาขาระยอง โทร. 038-942-960 และสาขาพิษณุโลก โทร. 055-008-980-2 หรือที่ www.mfcfund.com