นายเชิดพงษ์ สิริวิชช์ ประธานคณะกรรมการประสานงาน 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย หรือ TSMC เปิดเผยว่า หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ได้เปิดการรับฟังความคิดเห็นการแก้ไข พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 ทางสมาคมฯ ได้ยื่นหนังสือข้อคิดเห็นและคัดค้านการแก้ไข พ.ร.บ. ดังกล่าว ซึ่งนำมาสู่การรับฟังความเห็นในครั้งที่ 2 (วันที่ 8 ก.ย.) ซึ่งทางผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาลทรายยังคงยืนยันถึงข้อกังวลต่อการแก้ไข พ.ร.บ.ฉบับนี้ ที่จะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย และประเพณีปฏิบัติที่ยึดโยงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาลทรายที่มีมามากกว่า 30 ปี
เนื่องจากมาตรา 3 ของ ร่าง พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทราย (ฉบับที่..) พ.ศ. …. ซึ่งอยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบการและชาวไร่อ้อยนั้น ได้กำหนดให้ กากอ้อย และกากตะกอนกรอง เข้าไปรวมในคำนิยามของผลพลอยได้ โดยกำหนดให้นำไปคำควณราคาอ้อยและผลตอบแทนจากการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายด้วย จากเดิมที่กากอ้อยและกากตะกอนกรองได้ถูกรวมอยู่ในน้ำหนักอ้อยเข้าหีบที่โรงงานซื้อไปแล้ว และยังเป็นของเสียจากกระบวนการผลิตทำให้โรงงานน้ำตาลมีค่าใช้จ่ายในการกำจัดเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้น โรงงานน้ำตาลทุกแห่งจึงนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในกระบวนการผลิตน้ำตาลทราย และมีเพียงบางโรงที่มีเพียงพอนำไปจำหน่ายให้แก่ กฟผ. โดยลงทุนเองทั้งหมด
นอกจากนี้ ข้อเสนอมาตราดังกล่าวยังไม่ได้รับการยอมรับและความเห็นพ้องร่วมกันระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย คือ ชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาลก่อน ซึ่งอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งและไม่สามารถปฏิบัติได้ในอนาคตหากมีการบังคับใช้ในมาตราดังกล่าว เนื่องจากที่ผ่านมาโรงงานน้ำตาลทรายและชาวไร่อ้อยมีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน โดยยึดหลักการแบ่งปันรายได้จากระบบมายาวนานกว่า 30 ปี
"การกำหนดนิยามตามร่างแก้ไข พ.ร.บ. ในมาตรา 3 ขัดกับหลักข้อตกลงร่วมกันระหว่างชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาลตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดปริมาณการผลิตน้ำตาลทรายและเงื่อนไข และราคาการรับซื้ออ้อยที่กำหนดให้แบ่งรายได้สุทธิจากการขายน้ำตาลทรายภายในประเทศและต่างประเทศในสัดส่วน 70/30 โดยผลพลอยได้ทุกชนิดจากการผลิตอ้อยให้ตกเป็นของโรงงานน้ำตาลทราย ซึ่งเป็นไปตามสัญญาซื้อขายอ้อยระหว่างชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาล" นายเชิดพงษ์ กล่าว
ประธาน คณะกรรมการประสานงาน 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทรายฉบับใหม่ ที่เสนอให้แก้ไขมาตรา 17 อาจจะขัดแย้งกับข้อตกลง WTO ในหลายประเด็น เช่น ยังคงให้ กอน. กำหนดหรือจัดสรรปริมาณน้ำตาลทรายให้แก่โรงงานน้ำตาลทรายผลิต หรือประเด็นการยังคงให้รัฐมนตรีเห็นชอบตามข้อเสนอการแก้ไข พ.ร.บ.ดังกล่าวในบางมาตรา แทน ครม. ยังถือว่ารัฐบาลเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกำหนดนโยบายหรือไม่ เนื่องจากมีการกำหนดให้ลงราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลบังคับในทางกฎหมาย
ขณะที่การแก้ไขข้อกำหนดบทลงโทษทั้งฝ่ายชาวไร่และโรงงานน้ำตาลนั้น ทางสมาคมไม่เห็นด้วยเนื่องจากที่ผ่านมา บทลงโทษใน พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลฉบับเดิม มิได้ก่อให้เกิดปัญหาอย่างรุนแรงต่อระบบแต่อย่างใด อีกทั้งการเพิ่มค่าปรับตามที่เสนอใน พ.ร.บ.ฉบับแก้ไขใหม่นั้น โดยให้เหตุผลว่าปรับให้สูงเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและค่าเงินที่เปลี่ยนแปลงไป และกำหนดอัตราขั้นต่ำ ยังขัดกับการหลักการออกกฎหมายทั่วไป จึงเห็นว่าไม่ควรปรับแก้ในมาตรานี้แต่อย่างใด