นายมณฑล จุนชยะ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยสัปดาห์นี้ มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอเมริกาหลังนักลงทุนเพิ่มน้ำหนักการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือน ก.ย. 59 รวมทั้งแรงขายพันธบัตรจากความผิดหวังที่ธนาคารกลางยุโรปไม่ได้ออกมาตรการใดๆ เพิ่มเติมและไม่ขยายวันสิ้นสุดมาตรการ QE ในเดือนมี.ค. 60
"สำหรับการประชุมธนาคารกลางยุโรปที่ผ่านมา ส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางประเทศต่างๆยังไม่มีการใช้เครื่องมือทางการเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม นอกจากนี้ แรงกดดันจากการขายพันธบัตรรัฐบาลไทยจากนักลงทุนต่างชาติหลังทิศทางค่าเงินบาทเริ่มกลับมาอ่อนค่าอีกครั้ง (จากค่าเงินดอลลาร์ฯ ที่แข็งค่าขึ้น) สะท้อนได้ว่า ตลาดตราสารหนี้ยังมีความผันผวน ซึ่งนักลงทุนยังคงติดตามการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ อาทิ ตัวเลขยอดค้าปลีก อัตราเงินเฟ้อ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ซึ่งหากตัวเลขเศรษฐกิจดังกล่าวสะท้อนทิศทางที่ดีขึ้น จะทำให้ตลาดให้น้ำหนักการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยโนบายสหรัฐเร็วขึ้นโดยอาจจะอยู่ในช่วงเดือนก.ย.นี้" นายมณฑล กล่าว
ในส่วนของทิศทางอัตราดอกเบี้ยในประเทศ บลจ.วรรณคาดว่าเดือนกันยายนนี้ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% เพื่อรักษาระดับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และเพื่อรอดูผลการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศหลักๆในโลก
นายมณฑล กล่าวเพิ่มเติมว่า ทิศทางอัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในช่วงของการรอความความชัดเจน โดยน้ำหนักยังคงอยู่ที่ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งจะมีผลต่อทิศทางกระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติและสภาพคล่องในตลาดตราสารหนี้ ดังนั้น สำหรับผู้ลงทุนที่ไม่ชอบความผันผวนของตลาดตราสารหนี้ บริษัทแนะนำให้กระจายการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ที่มีอายุการลงทุนที่แน่นอน เพื่อลดความผันผวนของราคา โดยระหว่างวันที่ 9- 16 กันยายนนี้ บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิดวรรณตราสารหนี้ 6M3 (1FIX-6M3) อายุ 6 เดือน โดยรอบการลงทุนนี้จะพิจารณาลงทุนในเงินฝากธนาคารต่างประเทศ Agriculture Bank of China หุ้นกู้ระยะสั้นในประเทศ และตั๋วแลกเงินในประเทศ ซึ่งผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายประมาณ 1.55%ต่อปี