รศ.ดร.สุนทร โสตถิพันธุ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา (มรภ.สงขลา) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ตนและ นายพินิจ ดำรงเลาหพันธ์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร พร้อมด้วยหัวหน้างานคลัง หัวหน้างานพัสดุ เป็นตัวแทน มรภ.สงขลา เข้ารับรางวัลองค์กรที่มีความเป็นเลิศในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลัง ครั้งที่ 3 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 จาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล จัดโดยกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ซึ่ง มรภ.สงขลา ได้รับรางวัลในระดับชมเชย ร่วมกับอีก 9 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กรมหม่อนไหม กรมควบคุมโรค กรมสุขภาพจิต กรมอนามัย และ มรภ.หมู่บ้านจอมบึง รางวัลดังกล่าวประเมินจากผลการปฏิบัติงานของส่วนราชการตามขั้นตอนการบริหารด้านการเงินการคลัง 5 มิติ คือ มิติด้านการจัดซื้อจัดจ้าง มิติด้านการเบิกจ่าย มิติด้านการบัญชี มิติด้านการตรวจสอบภายใน และมิติด้านความรับผิดทางละเมิด ซึ่งแต่ละมิติมีการปรับปรุงเกณฑ์ให้เหมาะสม และสอดคล้องกับสถานการณ์ เช่น มิติด้านการจัดซื้อจัดจ้างมีการเพิ่มการประเมินด้านการก่อหนี้ผูกพัน มิติด้านความรับผิดทางละเมิดมีการเพิ่มเกณฑ์ด้านการบริหารงานด้วยความโปร่งใส เป็นต้น
รศ.ดร.สุนทร กล่าวว่า ขอขอบคุณชาว มรภ.สงขลา ที่ร่วมกันปฏิบัติงานด้านการเงินการคลังด้วยความถูกต้องโปร่งใส มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าของเงินงบประมาณที่องค์กรได้รับจัดสรร ตลอดจนความถูกต้องตามระเบียบ หลักเกณฑ์ ในการใช้จ่ายเงินงบประมาณ สอดรับกับวัตถุประสงค์ เป้าหมายทางการเงิน และสอดคล้องกับกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับของราชการ ตามนโยบายของมหาวิทยาลัย นอกจากนั้น ยังได้นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ โดยมีเว็บไซต์ให้บริการเพื่อความสะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สร้างเครือข่ายการเงินการคลัง และพัสดุ นอกจากนั้น ยังมีการจัดอบรมสัมมนาแก่บุคลากรทางการเงิน การคลัง และการพัสดุ จากวิทยากรภายนอกผู้มีความรู้ความชำนาญและประสบการณ์สูง มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้ปฏิบัติ มุ่งเน้นการให้บริการที่ดีด้วยการทำงานเป็นทีม ภายใต้กรอบแห่งการยึดมั่นในความถูกต้อง ซื่อสัตย์ มีคุณธรรมและจริยธรรม
โอกาสนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความยินดีกับหน่วยงานที่ได้รับรางวัล และกล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการวางรากฐานในการพัฒนาประเทศด้านการบริหารจัดการด้านการเงินการคลังให้มีเสถียรภาพ และขยายตัวเติบโตอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง โดยมีการประสานนโยบายการเงินและการคลังของประเทศให้สอดคล้องกัน ตั้งแต่ระดับกระทรวงระดับท้องถิ่น ตลอดจนมีการจัดการอย่างมีระบบ พร้อมมีกลไกตรวจสอบให้มีการใช้จ่ายงบประมาณอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์กับประชาชนทั่วประเทศอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความเข้มแข็งด้านการเงินการคลังให้หน่วยงานภาครัฐมีการบริหารจัดการที่ได้มาตรฐาน ตามหลักธรรมาภิบาล โปร่งใส ถูกต้อง เป็นธรรม และไม่เลือกปฏิบัติ ทั้งนี้ เพื่อให้มีการบูรณาการระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศให้ทัดเทียมนานาชาติต่อไป