ในพิธีลงนาม MOU โดยมีนายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวต้อนรับ งานในครั้งนี้เป็นการลงนาม MOU ระหว่าง 4 หน่วยงาน โดยมีนายสมพร จิตเป็นธม เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) นายปกรณ์ จีนาคำ ประธานสันนิบาตเทศบาลจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายส่างลา ไพรมีค่า ประธานเครือข่ายธนาคารข้าวตามแนวพระราชดำริ และนายไพบูลย์ สุขมา ประธานสถาบันการเงินชุมชนบ้านทุ่งรวงทอง
ลงนามร่วมกันเพื่อเป็นการส่งเสริมและสร้างวินัยการออมเงินเพื่อไว้ใช้ในวัยชรากับประชาชน และสนับสนุนให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากการออมเงินไว้ใช้ในวัยชรา รวมถึงการสนับสนุนให้เกิดการจัดกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน ทั้งนี้มีผู้แทนจากธนาคารกรุงไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสินและสื่อมวลชลในจังหวัดแม่ฮ่องสอนร่วมเป็นเกียรติในงาน
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่าการขับเคลื่อนงานของ กอช. ให้ไปสู่ความสำเร็จได้นั้นจะต้องได้ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนช่วยกันประชาสัมพันธ์เป็นกระบอกเสียงให้ประชาชนรับทราบถึงสิทธิประโยชน์ที่รัฐบาลมอบให้ประชาชนผ่านการออมเงินกับ กอช. โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะผู้บริหารการคลังประจำจังหวัด (คบจ.) ซึ่งมีอยู่ในทุกจังหวัดทั่วประเทศให้รวมพลังช่วยกันขับเคลื่อนงานของ กอช. ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงการคลัง โดยให้ คบจ. ทุกหน่วยช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลและชักจูงประชาชนในพื้นที่
ที่มีอายุตั้งแต่ 15 – 60 ปี และมีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนดให้มาสมัครเป็นสมาชิก กอช.และเร่งประชาสัมพันธ์ไปยังกลุ่มผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไปใช้สิทธิสมัครเป็นสมาชิก กอช. เพราะกฏหมายให้สิทธิกลุ่มคนเหล่านี้เพียงสามารถสมัครได้ถึงวันที่ 25 กันยายนนี้เท่านั้น ซึ่งมั่นใจในพลังของ คบจ. ที่จะสามารถร่วมกันขับเคลื่อนเรื่องนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะถ้าสามารถนำกลุ่มคนเหล่านี้เข้าระบบการออมเงินกับ กอช.ได้จะทำให้รัฐบาลประหยัดงบประมาณในการดูแลผู้สูงอายุเมื่อเกษียนได้อย่างมหาศาล
นายสมพร จิตเป็นธม เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) กล่าวเพิ่มเติมว่าการจัดงานในครั้งนี้เป็นไปตามแผนการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการออมกับกองทุนการออมแห่งชาติในเขตพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งมีจังหวัดนำร่อง 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่อนสอน และลำพูน โดยจากการรวบรวมข้อมูลทางสถิติในปี 2558 พบว่าในพื้นที่ 8 จังหวัดนั้นมีจำนวนผู้มีงานทำที่อยู่ในแรงงานนอกระบบ
รวมกว่า 1,388,408 คน ซึ่งโครงการนี้มุ่งหวังให้เกิดการบูรณาการในการดำเนินงานร่วมกันของทุกภาคส่วนเพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับจากการออมเงินกับ กอช. และคาดหวังให้การลงนาม MOUจะเป็นจุดเริ่มต้นในการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ กอช. ขอขอบคุณเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอนที่ให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการจัดงานครั้งด้วย
นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงการคลัง ผู้บริหารกองทุนการออมแห่งชาติ ผู้แทนจากธนาคารออมสินและ ธ.ก.ส. ได้ร่วมเดินทางไปยังหมู่บ้านรักไทย ตำบลหมอกจำแป่ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เพื่อเยี่ยมชมโรงเรียนธนาคารบ้านรักไทยของโรงเรียนบ้านรักไทย และมอบอุปกรณ์กีฬาพร้อมทุนการศึกษาให้นักเรียนและครูประจำโรงเรียนเพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาโรงเรียนต่อไป