นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด กล่าวว่า ผู้บริหารระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อย่างน้อย 3 คน ออกมาส่งสัญญาณว่า Fed อาจจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมกำหนดนโยบาย ระหว่างวันที่ 20-21 กันยายนนี้ แต่ก็มีผู้บริหารระดับสูงอีก 3-4 คน ไม่เห็นว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ย ดังนั้น ผู้บริหารที่เหลือจะเป็นผู้ตัดสินว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนนี้หรือไม่ โอกาสความน่าจะเป็นของการจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนนี้จึงก้ำกึ่งมาก
นอกจากนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้ออกมาระบุว่ากำลังหามาตรการที่จะทำให้ เส้นอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น(Japanese Government Bond – JGBs) มีความชันเพิ่มขึ้น หลังจากมาตรการดอกเบี้ยติดลบไม่เป็นที่ยอมรับ และมาตรการ QQE ที่ใช้มาตลอด 20 ปีก็ยังไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัวได้เต็มที่นัก ทำให้ตลาดมองว่า BOJ กำลังจะหยุดการขยายตัวเพิ่มของมาตรการ QQE จึงทำให้มีการขายทั้งหุ้น และ พันธบัตรรัฐบาลระยะยาวออกมา อีกทั้งส่งผลให้มีการขายตั๋วเงินคลังระยะยาวของสหรัฐฯ ออกมาด้วย เป็นเหตุให้หุ้นสหรัฐร่วงหนักเมื่อวันศุกร์นอกเหนือไปจากเรื่องที่ Fed อาจขึ้นดอกเบี้ยในเดือนนี้ อย่างไรก็ตาม บล.เอเชีย เวลท์ มองว่าการที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยก็ดี หรือการที่ BOJ จะหยุด QQE แล้วรัฐบาลญี่ปุ่นหันมาใช้นโยบายการคลังอย่างเต็มที่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมแล้วเท่ากับบอกว่าเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังดีขึ้นโดยลำดับ แล้วจะเป็นประโยชน์ต่อตลาดหุ้นในระยะต่อไปและระยะยาว เพียงแต่ในระยะสั้นตลาดหุ้นจะถูกกดดันจากการขึ้นดอกเบี้ยอย่างหนัก
ดังนั้น ในสัปดาห์นี้ หุ้นจะผันผวนมากและมีแนวโน้มปรับตัวลงจากปัจจัยดังกล่าวข้างต้น และจากกองทุนในประเทศหากยังจะขายหุ้นออกอย่างต่อเนื่องอีก ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพุธ คาดว่า น่าจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเงิน ดังนั้น เรามองการเคลื่อนไหวของ SET Index สัปดาห์นี้ที่ 1,412-1,469 จุด
ด้านกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเชีย เวลท์ อย่างที่กล่าวแล้ว มองในระยะยาว จากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ฟื้นตัวชัดเจน จน Fed จะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ เศรษฐกิจญี่ปุ่นเองก็เริ่มฟื้นตัว และพยายามหานโยบายและมาตรการที่จะมาสนับสนุนและกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ดังนั้น ในระยะยาว ตลาดหุ้นและเศรษฐกิจอยู่ในขาขึ้น แต่ในระยะสั้น ปัจจัยต่าง ๆ ที่ยังไม่ชัดเจน ส่งผลให้ตลาดหุ้นยังคงผันผวนอยู่ ในสภาวะแบบนี้เราแนะนำหุ้น Defensive ที่ทนต่อความผันผวนต่อตลาด
สำหรับ Trading Idea ประจำสัปดาห์นี้ บล.เอเชีย เวลท์ แนะนำซื้อหุ้น BDMS ของบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ราคาเป้าหมาย 30.00 บาท โดย BDMS เป็นหุ้นเด่นด้วยกลยุทธ์ Defensive play และมีค่า Beta ของหุ้นที่ต่ำเพียง 0.58 ถึงแม้ว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/59 จะลดลง QoQ แต่เราคาดว่ากำไรจะกลับมาดีขึ้นอีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปีเนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น นอกจากนี้ ในแง่ของการเติบโตระยะยาว BDMS กำลังพัฒนาโรงพยาบาลแม่ข่ายทั้ง 9 แห่งให้เป็น Centers of Excellence ซึ่งคาดจะเสร็จสมบูรณ์ในกลางปี 2561 โดยตั้งเป้าเพิ่มจำนวนคนไข้ต่างชาติและสัดส่วนรายได้เป็น 50% ในระยะยาว จากปัจจุบันที่ 30% และยังคงเป้าการขยายเครือข่ายโรงพยาบาลให้เป็น 50 โรงพยาบาลในอีก 2-3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่ 43 โรงพยาบาล โดยปัจจุบัน มีโรงพยาบาลแห่งใหม่อีก 2 แห่งที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ได้แก่ โรงพยาบาลกรุงเทพสุราษฎร์ และโรงพยาบาลกรุงเทพเชียงราย คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 60 และ 61
"ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรปกติของ BDMS จะเติบโตเข้มแข็งที่ 15.9% ในปี 59 และ 14.1% ในปี 60 ด้าน Technical รูปแบบราคา กลับมามีความแข็งแกร่งในระยะสั้นจากการเกิดสัญญาณซื้อรายวันครั้งใหม่ ซึ่งปัจจุบันหุ้นใน SET100 มีเพียง 4 ตัวเท่านั้นที่ยังคงเกิดสัญญาณซื้อรายวัน ได้แก่ EGCO SCC TISCO และ BDMS โดยมีเป้าหมายทางเทคนิคระยะสั้นอยู่ที่ 23.50 บาท โดยหากสามารถ Break ด้วยการปิดตลาดเหนือ 23.50 บาท คาดว่าจะมีเป้าหมายถัดไปของการทำ New High อยู่ที่ 28.25 บาท"