นายสาธร อุพันวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทออนดีมานด์เอ็ดดูเคชั่นจำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมการแข่งขันของโรงเรียนกวดวิชาในปัจจุบันนับว่ารุนแรงและสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2558 โดยทิศทางการทำตลาดจะเปลี่ยนไปตามกระบวนการศึกษา ยกตัวอย่างหลักสูตรอินเตอร์ ซึ่งได้รับความนิยมจากนักเรียนในการสอบเข้าเป็นจำนวนมาก ทำให้โรงเรียนกวดวิชาแต่ละแห่งเริ่มเปิดหลักสูตรอินเตอร์เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การเปิดสอนในลักษณะตัวต่อตัวที่มีกระจายอยู่ทั่วไปก็มีแนวโน้มเติบโตขึ้นด้วย ในขณะที่การกวดวิชาในระดับประถมศึกษาก็เป็นที่ต้องการของตลาดเช่นเดียวกัน
"กระแสความนิยมในหลักสูตรอินเตอร์และประถมที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ออนดีมานด์ อินเตอร์ ที่เปิดการเรียนการสอนเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ โดยมีนักเรียนให้ความสนใจและสมัครเรียนกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้ออนดีมานด์ได้เปิดหลักสูตรอินเตอร์ไปแล้ว 2 สาขา และตั้งเป้าว่าครึ่งปีหลังจะขยายให้ครบทุกสาขาทั่วประเทศ ขณะที่หลักสูตรประถมศึกษาได้เริ่มเปิดที่พญาไทเป็นแห่งแรก ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมาก จึงได้วางแผนจะขยายการเรียนการสอนเพิ่มเติมตั้งแต่ไตรมาส 4 เป็นต้นไป โดยตั้งเป้าว่าจะครอบคลุมครบทุกสาขาภายในปี 2560" นายสาธร กล่าว
ทั้งนี้ ผลประกอบการในช่วง 8 เดือนแรกของปี (มกราคม-สิงหาคม 2559) ออนดีมานด์มีรายได้เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 20% ปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 45 สาขา ซึ่งครอบคลุมทุกภูมิภาค และคาดว่าสิ้นปีนี้จะเปิดสาขาเพิ่มทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดอีก 5 สาขา สำหรับจำนวนนักเรียนที่ผ่านมาออนดีมานด์มีนักเรียนสะสมประมาณ 600,000 คน และยังมีนักเรียนที่เข้ามาสมัครเรียนเพิ่มประมาณ 70,000 คนต่อปี โดยแบ่งเป็นนักเรียนหลักสูตรอินเตอร์และประถมประมาณ 5–10%
นายสาธร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแผนการลงทุนในปีนี้ ออนดีมานด์จะใช้งบประมาณ 40 ล้านบาท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านบุคลากรและไอที โดยในครึ่งปีหลังจะใช้งบประมาณ 15 ล้านบาท สำหรับซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ใหม่จำนวน 1,000 เครื่อง รวมทั้งพัฒนาซอฟต์แวร์ให้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้นักเรียนมีประสิทธิภาพในการเรียนมากกว่าเดิม ซึ่งเชื่อว่าแผนงานทั้งหมดที่ออนดีมานด์จะดำเนินการจะทำให้ผลประกอบการครึ่งปีหลังเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ด้าน นายสุธี อัสววิมล ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการโรงเรียนกวดวิชาออนดีมานด์ กล่าวว่า นโยบายที่ออนดีมานด์จะให้ความสำคัญนับจากนี้ไป คือ การเน้นให้นักเรียนเป็นศูนย์กลางและพร้อมเข้าไปช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ได้มุ่งให้ความรู้ด้านวิชาการเพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยขัดเกลาและเสริมสร้างกำลังใจอีกด้วย เพราะจากการการที่อาจารย์และทีมงานคลุกคลีอยู่กับนักเรียนมาตลอด พบว่าแม้เด็กไทยจะมีความเฉลียวฉลาด แต่ยังมีปัญหาหลักๆ อยู่ 3 อย่าง คือ ไม่มีเป้าหมาย ขาดกำลังใจ และไม่ทราบวิธีการหาทางออกที่เหมาะสม โดยเฉพาะนักเรียนอายุ 14-16 ปี ซึ่งเป็นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อและอยู่ในช่วงของการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ทำให้บางครั้งตัดสินใจผิดพลาดได้ ดังนั้นออนดีมานด์จะมีการจัดกิจกรรมแนะแนวในเรื่องต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับนักเรียน อาทิ กิจกรรมเลือกที่ใช่ยังไงก็สอบติด ซึ่งเป็นการให้คำแนะนำปรึกษาในการเลือกคณะแก่นักเรียนเป็นรายบุคคล และช่วยให้ผู้ปกครองเข้าใจถึงการเรียนในปัจจุบันอย่างถูกต้อง
นายสุธี ยังกล่าวต่อว่า เป้าหมายสำคัญของนักเรียนในการมาเรียนคือต้องการสอบติดในคณะและมหาวิทยาลัยที่ต้องการ ดังนั้น นอกจากจะมีการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนและจัดกิจกรรมแนะแนวแล้ว ออนดีมานด์ยังได้จัด Mock Exam ซึ่งเป็นการจำลองสนามสอบเพื่อให้นักเรียนได้สัมผัสบรรยากาศการสอบเสมือนจริง ไม่ว่าจะเป็นการใส่ชุดนักเรียนหรือการไปสอบที่มหาวิทยาลัย และหลังจากสอบก็สามารถทราบผลได้ทันที รวมทั้งยังมีทีมอาจารย์มาเฉลยข้อสอบเพื่อให้นักเรียนเข้าใจมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาได้จัดสอบไปแล้ว 2 วิชา คือ Medical(ความถนัดแพทย์) และ GAT/PAT มีนักเรียนมาร่วมสอบกว่า 4,000 คนทั่วประเทศ และสิ้นปีนี้จะมีการจัดสอบเพิ่มอีก 6 สนามสอบ เช่น 7 วิชาสามัญและสอบเข้าโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ซึ่งการดำเนินงานที่ออนดีมานด์ทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้เด็กไทยได้รับประโยชน์สูงสุดและมีอนาคตที่ดีในการพัฒนาประเทศชาติต่อไป