นายศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงผลศึกษาโอกาสและอุปสรรคของอุตสาหกรรมไทยที่จะเข้าไปลงทุนในเมืองวินห์ ประเทศเวียดนาม ว่า รัฐบาลเวียดนามได้ตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาเมืองเมืองวินห์ จังหวัดเหงะอานห์ เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของภาคเหนือ และภาคกลางตอนบน ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลเวียดนามได้จัดสรรงบประมาณจำนวนมาก เพื่อพัฒนาสวนอุตสาหกรรม เมืองวินห์ จึงถือเป็นโอกาสที่ดีของอุตสาหกรรมไทยที่มีความสนใจในการลงทุนหรือตั้งโรงงานผลิตในสวนอุตสาหกรรม Vinh เนื่องจากเมืองวินห์ มีชายแดนใกล้กับภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และยังมีสนามบิน Vinh Airport ที่มีเที่ยวบินสามารถเดินทางโดยตรงมายังประเทศไทย
ทั้งนี้ในเบื้องต้นพบว่า อุตสาหกรรมไทยมีความสามารถและมีโอกาสในการเข้าไปลงทุน ได้แก่ อุตสาหกรรมประมงแปรรูป เนื่องจากรัฐบาลเวียดนามให้การสนับสนุนและผลักดันอุตสาหกรรมประมง เป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศ เพราะเป็นแหล่งวัตถุดิบ มีแรงงานพร้อม และยังได้รับสิทธิ GSP จากยุโรปอยู่ ซึ่งสินค้าประมงแช่แข็งของเวียดนามนั้นสามารถส่งออกไปยุโรปเกือบ100 % แต่คาดว่าในอนาคต ค่าแรงขั้นต่ำของเวียดนามอาจจะมีการปรับอัตราเทียบเท่ากับค่าแรงขั้นต่ำของไทย นอกจากนั้นนักลงทุนควรพิจารณาปริมาณการจับสัตว์น้ำของเวียดนามที่อาจขาดแคลนในบางเดือน จึงจำเป็นต้องมีการบริหารจัดการ เรื่องของสต็อกสินค้าไว้ด้วย
อย่างไรก็ดี การจับสัตว์ทะเลจะมีสัตว์ประเภทอื่นๆ ติดปะปนมาด้วย อาทิ กุ้ง หอย ปู เป็นต้น ซึ่งหากยังไม่เข้ากระบวนการผลิตก็มักจะนำเข้าไปเก็บไว้ในห้องเย็นก่อน แต่หากปริมาณสัตว์ดังกล่าวมีมากจนล้นห้องเย็น จะส่งผลให้เกรดสินค้าตกไปอยู่ในเกรดอาหารสัตว์ ทำให้ธุรกิจอาหารสัตว์มีวัตถุดิบป้อนเข้าสู่โรงงานเป็นจำนวนมาก ฉะนั้นจึงเป็นโอกาสเหมาะที่จะเข้าไปลงทุน โรงงานปลาป่น หรือการผลิตอาหารสัตว์ รวมทั้งบรรจุภัณฑ์ต่างๆ เนื่องจากไทยมีศักยภาพมากกว่าเวียดนาม โดยอาจจะเป็นการร่วมลงทุนกับนักธุรกิจชาวเวียดนาม
ปัจจุบันเมืองวินห์ เป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจวัฒนธรรมของภาคเหนือ และภาคกลาง มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ร้อยละ 16.0 ภาคการผลิตหลัก คือ ภาคบริการ มีสัดส่วนร้อยละ 57.5 โดยเฉพาะธุรกิจด้านก่อสร้างที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้โครงสร้างเศรษฐกิจของภาคบริการมีส่วนแบ่งมากที่สุด รองลงมาคือภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตรกรรม ร้อยละ 41.0 และ 1.5 ตามลำดับ
นอกจากนี้ เมืองวินห์ ยังมีกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมไฟฟ้า การผลิตอาหารพืช อาหารสัตว์ โรงงานเสื้อผ้าส่งออก และมีการสร้างบริษัทใหม่ๆขึ้น อาทิ โรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์ส่งออก และโรงงานเกี่ยวกับหัตกรรมเพื่อส่งออก สำหรับอุตสาหกรรม ที่กำลังจะเคลื่อนย้ายเข้ามาในเมืองวินห์ จะต้องมีความสามารถในการจัดการและดูแลเรื่องของสิ่งปฏิกูล และของเสีย อย่างเช่น โรงงานแปรรูปเกษตร โรงงานผลิตเคมีภัณฑ์ และโรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ต่างๆ กลุ่มของโรงงานอุตสาหกรรมเคมี ไม้อัด เบียร์ วัสดุก่อสร้าง
นายศิริรุจ กล่าวต่อว่า การพัฒนาพื้นที่ในเขตเมืองวินห์ ปี 2020 จะมีการขยายเขตการบริหารออกไปอีก 250 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุม เมือง Cua Lo ,เมือง Quan Hanh ส่วนหนึ่งของเมือง Huong Nguyen Nghi Loc และ Hung Nguyen ซึ่งส่งผลให้เมืองวินห์เป็นจังหวัดชี้นำด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรมในเขตภาคเหนือ และภาคกลางของเวียดนาม