นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด กล่าวว่า สัปดาห์นี้ตลาดจะยังคงผันผวน หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (FED) คงอัตราดอกเบี้ย บรรยากาศการลงทุนดีขึ้น เม็ดเงินต่างชาติที่อยู่ในเอเชียยังคงที่ และเม็ดเงิน Brexit ยังคงอยู่ แต่การที่ราคาน้ำมันร่วงลงหนักเมื่อวันศุกร์ เกือบ 4% ทำให้ฉุดตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลง ส่งผลลบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก นอกจากนี้แล้วดูท่ากองทุนในประเทศจะยังขายทำกำไรต่อเนื่องจะกดดันตลาดบ้านเราอีก
สัปดาห์นี้คาดว่า ตลาดหุ้นจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ จุดสนใจของโลกจะไปอยู่ที่การโต้วาทีของผู้สมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างนางฮิลลารี่ คลินตัน จากพรรคเดโมแครต และนายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน ว่าจะเป็นอย่างไรใครนำใครเพลี่ยงพล้ำ ซึ่งหากแนวโน้มของผลออกมาเป็น นายโดนัลด์ ทรัมป์ นำในการโต้วาทีนี้ น่าจะส่งผลลบต่อตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงของโลก เนื่องจากประเด็นการหาเสียงของทรัมป์ล้วนจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงนโยบายจากของประธานาธิบดีบารัค โอบามา เป็นอันมาก ทำให้เกิดความไม่แน่นอนสูงกลายเป็นความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ในสัปดาห์นี้ จะมีตัวเลขรายละเอียดจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือน สิงหาคม ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะประกาศออกมา ซึ่งคาดว่าน่าจะออกมาดี
ด้าน ประเด็น Window dressing เป็นไปได้ว่าจะมี แต่ในระยะหลังอิทธิพลจาก Window dressing จะลดน้อยลง หากวิเคราะห์พฤติกรรมนักลงทุนสถาบันในประเทศในระยะหลังแล้วพบว่าจะขายออกเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น Window dressing อาจเกิดหรือไม่เกินขึ้นก็เป็นได้ ซึ่งขอแนะนำให้นักลงทุนระมัดระวัง เพราะกองทุนในประเทศมีการขายหุ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องติดตามว่าในสัปดาห์นี้จะขายต่อหรือไม่ โดยมองว่า SET Index จะผันผวนเป็น Sideway มองกรอบที่ 1,472-1,510 จุด
ด้านกลยุทธ์การลงทุน มุมมองระยะยาว บล.เอเชีย เวลท์ ยังมองเป็นบวกเพราะเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวและมั่นคงมาก แม้จะมีความกังวลเรื่องการลงทุนภาคเอกชนที่ชะลอตัวลงบ้าง แต่รัฐบาลก็มีการออกมาตรการกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนการลงทุนภาครัฐจะเห็นชัดเจนเป็นรูปธรรมมากในปีหน้า ทั้งนี้ หากหุ้นปรับตัวลงเยอะ สำหรับนักลงทุนระยะยาว แนะนำให้เข้าซื้อหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีอัตราเงินปันผลตอบแทนสูง แต่สำหรับนักลงทุนระยะสั้น แนะนำให้ระมัดระวัง และคอยขายทำกำไรทุกครั้งเมี่อมีกำไร
นายวรุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ Trading Idea ประจำสัปดาห์นี้ บล.เอเชีย เวลท์ แนะนำซื้อหุ้น ANAN ของ บมจ. อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ราคาเป้าหมาย 7.50 บาท ANAN มีแนวโน้มธุรกิจของบริษัทดีมากจากภาพรวมของธุรกิจคอนโดมีเนียมตามแนวรถไฟฟ้ามีแนวโน้มที่สดใสตามการขยายตัวของระบบขนส่งมวลชน โดยบริษัทมียอดเตรียมโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ให้กับลูกค้าเป็นจำนวนมาก ประกอบกับมีแผนเปิดโครงการใหม่รองรับการเติบโตในอนาคตอีกหลายโครงการ
"เราคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2559 เติบโต 15%YoY เป็น 1.4 พันล้านบาท (0.42 บาทต่อหุ้น) และเติบโต 81% YoY เป็น 2.5 พันล้านบาท ในปี 2560 เป็นผลมาจากการเปิดตัวโครงการจำนวนมากไปเมื่อปี 2556-2557 ทำให้เริ่มมีการโอนโครงการขนาดใหญ่เข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังปี 2559" นายวรุตม์กล่าว
นายวรุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ANAN ร่วมทุนกับ Mitsui Fudosan (MF) ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เบอร์หนึ่งของญี่ปุ่น โดยโครงการที่ร่วมทุน ANAN ถือหุ้น 51% และ MF ถือหุ้น 49% โครงการแรกที่ร่วมทุนกันคือ Ideo Q จุฬา-สามย่าน มูลค่าโครงการ 6,800 ล้านบาท จะเริ่มโอนในไตรมาส 4/59 นี้ ตามด้วยโครงการใหญ่อีกหลายโครงการที่ร่วมทุนกันแล้วประสบความสำเร็จ ในปี 2559 ยอดโอนคาดว่าจะเป็น 15,601 ล้านบาท เติบโต 62% YoY เป็นส่วนของ ANAN เอง 72% ที่เหลือเป็นโครงการร่วมทุน และปี 2560 คาดว่ายอดโอนจะเป็น 30,215 ล้านบาท เติบโต 94% YoY เป็นส่วนของ ANAN 52% ที่เหลือเป็นโครงการร่วมทุน ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 ก.ย. ANAN เปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับโครงการ Ideo Mobi อโศก และ Vinio สุขุมวิท 10 คาดว่าประสบความสำเร็จสูงสำหรับการเพิ่มยอด Presales
ทั้งนี้ การที่บริษัทยึดแนวทางธุรกิจในการสร้างคอนโดมีเนียมติดสถานีรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ คาดว่า จะส่งผลบวกในระยะยาวเพราะคาดว่าการขยายตัวของระบบขนส่งรถไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นอีกมากใน 5-8 ปีข้างหน้า โดยราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PER 11.1 เท่า คาดว่าจะลดลงเป็น 6.1 เท่า ซึ่งเทียบกับการเติบโตของกำไรในระดับสูงในอนาคตแล้วถือว่าหุ้น ANAN ยังถูกมาก
ด้าน Technical รูปแบบราคาเกิดสัญญาณซื้อในรายวันและรายเดือน โดยรอการเกิดสัญญาณซื้อรายสัปดาห์ ซึ่งเป้าหมายถัดไปของANAN คือ 4.98 บาท มีจุด Stop Loss ที่ 4.56 บาท