นายพีระพัฒน์ ศรีสุคนธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน แมนเนจเม้นท์ จำกัด (TMAN) ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TICON Freehold and Leasehold Real Estate Investment Trust) หรือ TREIT เปิดเผยเมื่อ วันที่ 22 กันยายน 2559 ที่ประชุมผู้ถือหน่วย TREIT มีมติอนุมัติให้TREIT ลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมครั้งที่ 2 มูลค่าไม่เกิน 1,443.20 ล้านบาท โดยอนุมัติให้ใช้เงินทุนจากการออกและเสนอขายหุ้นกู้ให้กับนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่วงเงินไม่เกิน 1,470 ล้านบาท โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ไม่มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ และชำระคืนเงินต้นในวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ ซึ่งจะมีอายุไม่เกิน10 ปี หรือ ครบกำหนดไถ่ถอนไม่เกินปี 2569
อัตราดอกเบี้ยสำหรับการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้จะอ้างอิงจากผลการสำรวจความต้องการของนักลงทุนสถาบัน (Bookbuilding)เป็นสำคัญ "หลังจากผู้ถือหน่วย TREIT อนุมัติการเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม และการออกหุ้นกู้แล้ว TMAN จะเดินหน้าดำเนินการตามขั้นตอนการออกหุ้นกู้โดยเร็วที่สุด ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จไม่เกินไตรมาส 4 ปีนี้ เพื่อที่จะได้ทำการซื้อทรัพย์สินตามแผน" นายพีระพัฒน์ กล่าว
สำหรับรายละเอียดทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 2 ประกอบด้วย กรรมสิทธิ์ในที่ดิน เนื้อที่รวม 29 ไร่เศษ และกรรมสิทธิ์ในอาคารคลังสินค้า จำนวน 3 หลัง 12 ยูนิต ที่อยู่ในโครงการไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค (TPARK) แหลมฉบัง 2และศรีราชา แห่งละ 2 ยูนิต และที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ ปราจีนบุรี อีก 8 ยูนิต นอกจากนี้ ยังมีสิทธิการเช่าที่ดิน 27 ไร่เศษ และสิทธิการเช่าคลังสินค้าจำนวน 4 หลัง 8 ยูนิต ในโครงการ
ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค บางพลี 3 และกรรมสิทธิ์ในที่ดิน เนื้อที่รวม 28 ไร่เศษ และกรรมสิทธิ์ในอาคารโรงงาน จำนวน 8หลัง ในนิคมอุตสาหกรรม 3 แห่ง คือ บางปู, บ้านหว้า (ไฮเทค) และ อมตะซิตี้ รวม 7 หลัง และที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ อยุธยา อีก 1 หลัง ซึ่งทรัพย์สินเหล่านี้ล้วนอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและคมนาคมที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย และมีแนวโน้มเติบโตในอนาคตอย่างต่อเนื่อง
"โครงการที่เข้าลงทุนเพิ่มทั้งหมดเป็นโรงงานและคลังสินค้าที่ได้ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้ให้แก่TREIT ในทันทีหลังการเข้าลงทุน เนื่องจากทรัพย์สินมีอัตราการเช่าพื้นที่อาคารในอัตราร้อยละ 100 ซึ่งจะทำให้ TREIT มีรายได้จากค่าเช่าและค่าบริการเพิ่มขึ้นในระยะยาว ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อผู้ถือหน่วยทรัสต์ให้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่เพิ่มมากขึ้น โดยภายหลังจากการเข้าลงทุนเพิ่มเติมเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะทำให้ขนาดทรัพย์สินรวมของ TREIT เพิ่มขึ้นจาก 7,785.13 ล้านบาท เป็น 9,228.33 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.54 และคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 124 ล้านบาทต่อปีจากปี 2560 เป็นต้นไป"
"ทั้งนี้ TMAN มองเห็นแนวโน้มความต้องการคลังสินค้าและโรงงานให้เช่ายังคงเติบโตได้ดีทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่ง TREIT เองก็มองหาโอกาสในการซื้อทรัพย์สินคุณภาพดีจากต่างประเทศด้วยเพื่อเพิ่มขนาดกองทรัสต์ให้ใหญ่ขึ้นในอนาคต อันเป็นกลยุทธ์ของ TMAN ในการสร้างการเติบโตในระยะยาว เพื่อสร้างรายได้และผลตอบแทนในระดับที่เหมาะสมแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์" นายพีระพัฒน์ กล่าวสรุป
ด้านบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ประกาศจัดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-term Rating) หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีประกันของ TREIT ที่ A-(tha) ในขณะเดียวกัน ก็คงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-term Rating) ของ TREIT ที่ A-(tha) แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ ทั้งนี้ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ระบุว่า อสังหาริมทรัพย์ที่ TREIT เข้าลงทุนอยู่ในทำเลที่ดี โดยอันดับเครดิตของ TREIT สะท้อนถึงความแน่นอนของรายได้ค่าเช่า จากการให้เช่าอาคารโรงงานและคลังสินค้าในประเทศไทย ที่มีสัญญาเช่าระยะเวลาประมาณ 3 ปีรองรับ ฟิทช์คาดว่าความต้องการเช่าทรัพย์สินของ TREIT น่าจะยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า เนื่องจากอสังหาริมทรัพย์ของ TREIT ตั้งอยู่ในทำเลที่เป็นยุทธศาสตร์สำคัญทางธุรกิจ และคาดว่าอัตราการให้เช่าพื้นที่เฉลี่ยของ TREIT น่าจะยังคงอยู่ที่ประมาณร้อยละ 90 ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า