บทความพิเศษ เรื่อง : ดื่มแอลกอฮอล์ดีและร้ายอย่างไร?

พุธ ๒๘ กันยายน ๒๐๑๖ ๐๘:๓๐
โดยนพ.ธาดา เปี่ยมพงศ์สานต์ นายกสมาคมเวชสำอางและศัลยศาสตร์ผิวพรรณ

แพทย์กูรูผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนัง และภูมิแพ้ผิวหนังมากกว่า 40 ปี

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หมายถึงเครื่องดื่มที่มีเอทิลแอลกอฮอล์ผสมอยู่ ผลิตจากวัตถุดิบที่มีส่วนประกอบของน้ำตาลหมัก และเติมยีสต์ลงไปเพื่อให้ยีสต์กินน้ำตาลในวัตถุดิบ และเปลี่ยนกลายเป็นแอลกอฮอล์ ซึ่งมีฤทธิ์ในการกดระบบประสาทส่วนกลาง ถ้าดื่มในปริมาณไม่มาก จะรู้สึกผ่อนคลาย เนื่องจากแอลกอฮอล์ไปกดจิตใต้สำนึกที่คอยควบคุมตนเองอยู่ แต่ถ้าดื่มมากขึ้นก็จะมีฤทธิ์กดสมองบริเวณอื่นๆ ทำให้เสียการทรงตัว พูดไม่ชัด และอาจทำให้หมดสติได้ในที่สุด

ซึ่งวัดระดับแอลกอฮอล์ที่ส่งผลกับร่างกายได้หลายอาการ เช่น ในระดับที่สูงเกินกว่า 0.05% ในกระแสเลือด จะทำให้สูญเสียการควบคุมระบบเคลื่อนไหว ถ้าดื่มในระดับ 0.2% จะสูญเสียเรื่องอารมณ์ เช่นส่งเสียงตะโกน โหวกเหวก ถ้าดื่มในระดับ 0.3% จากการดื่มเหล้าอย่างรวดเร็วสัก 1 ขวดแบน ก็อาจหมดสติได้ และถ้าดื่มในระดับ 0.3 - 0.5% อาจทำให้ถึงตายได้ เพราะไปกดระบบการหายใจ ซึ่งคนที่ดื่มแอลกอฮอล์ แล้วมีอาการหน้าแดงง่าย มีสาเหตุจากสารอะเซตาดีไฮด์ และพรอสตาไซคลิน ทำให้เกิดเส้นเลือดขยาย และบางคนขาดสารเอนไซม์ ซึ่งสลายสารอะเซตาดีไฮด์ ทำให้มีการคั่งของสารอะเซตาดีไฮด์สูงในตับ และในเลือด โดยเฉพาะคนจีนกว่า 50% (หรืออาจรวมในไทยที่มีเชื้อจีน) ไม่มีสารเอ็นไซม์นี้ ดังนั้นจึงมีโอกาสจะเป็นโรคตับแข็งง่ายกว่าชาติอื่น

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบ่งเป็น 3 ประเภทคือ 1.เบียร์ มีแอลกอฮอล์ในระดับ 3-8% 2.ไวน์มีตั้งแต่ 8-12% และ 3.เหล้า มีแอลกอฮอล์ 20-50% ขึ้นอยู่กับว่าเป็นวิสกี้ ยิน หรือวอดก้า ส่วนเหล้าของไทย เหล้าโรง เหล้าเถื่อน อาจจะถึง 45% หรือสูงกว่านั้น สำหรับเครื่องดื่มที่มีประวัติยาวนานที่สุดคือ ไวน์ ในสมัยโบราณจะใช้เพื่อการรักษา ซึ่งไวน์ที่มีความเข้มข้นถึง 10% จะใช้รักษาแผลติดเชื้อ และในอดีตที่โรคอหิวาต์ระบาดในปารีส พบว่าการดื่มไวน์สามารถทำให้โรคหยุดการแพร่กระจาย (เป็นการค้นพบก่อนที่แพทย์จะรู้เรื่องโรคอหิวาต์ และไข้ไทฟอยด์) ต่อมาแพทย์จึงค้นพบว่าไวน์สามารถฆ่าเชื้ออหิวาต์ได้ในเวลา 15 นาที และฆ่าเชื้อไทฟอยด์ใน 24 ชั่วโมง ดังนั้น จึงเป็นความเชื่ออย่างหนึ่งในสมัยนั้นว่า ดื่มแอลกอฮอล์ปลอดภัยแน่ และไวน์ที่มีแอลกอฮอล์ 10% จะฆ่าเชื้อดีกว่าแอลกอฮอล์ 90% เสียอีก เพราะในไวน์แดงมีสารแอนโธไซยานิน และมัลโวไซด์ และในไวน์ขาวมีสารอีโนไซด์

ข้อดีข้อเสียของการดื่มเหล้า สามารถลดอัตราการตาย โดยถ้าเพียงดื่มวันละ 1 แก้ว เช่น โรคหัวใจ ถ้าดื่มวันละ 1 แก้ว (ผสมแล้ว) ลดการเกิดโรคหัวใจอุดตัน 30- 50% ถ้าดื่มมากกว่านั้น กลับเพิ่มการเป็นโรคหัวใจ ซึ่งจะอธิบายได้ว่า อัตราส่วนของไขมันชนิดต่ำต่อไขมันชนิดสูง ถ้าสูงเกิดโรคหัวใจได้ แต่เหล้าไปเพิ่มไขมันชนิดสูง และลดไขมันชนิดต่ำ แอลกอฮอล์ยังช่วยลดการอุดตันของเส้นเลือด และเพิ่มการทำลายไฟบริน จากหลักฐานของฝรั่งเศส และประเทศแถวเมดิเตอร์เรเนียน พบว่าคนที่ดื่มไวน์ เป็นโรคหัวใจน้อยกว่าประเทศอื่น เพราะในไวน์ นอกจากมีแอลกอฮอล์แล้ว ยังมีสารแอนติออกซิแคนท์ และฟลาโวนอยด์

ภาวะอัมพาต และอัมพฤกษ์ (อัมพาตชั่วคราว) ในอังกฤษพบว่าถ้าดื่ม 2 - 5 แก้ว/วัน ในผู้ชาย หรือ 2 - 4 แก้วในผู้หญิง จะมีอัตราในการเป็นอัมพฤกษ์น้อยกว่าคนที่ไม่ดื่ม และคนที่ดื่มสม่ำเสมอดีกว่าคนดื่มกระปริดกระปรอย แต่การวิจัยกลับพบว่า ถ้าดื่ม 2 แก้วต่อวัน เพิ่มการเกิดอัมพาตจากเส้นเลือดแตกมากกว่า และถ้าดื่ม 3 แก้วขึ้นไป อาจทำให้เกิดมีโอกาสเกิดอัมพาตถึง 2 - 3 เท่า

ก้อนหินในถุงน้ำดี ถ้าดื่มวันละ 5 แก้วในผู้ชาย และดื่ม 2 แก้วในหญิง สามารถป้องกันการเกิดก้อนหินในถุงน้ำดีได้ ส่วนข้อเสียทำให้เป็นโรคตับแข็งได้ทุกชนิด รวมทั้งมะเร็งตับ ขึ้นอยู่กับเวลา และจำนวนที่ดื่ม ถ้าเป็นแล้วดื่มต่อไป โรคจะแย่ลง และมีโอกาสเป็นมะเร็งได้ 5 - 10%

ระบบจิตประสาท ในกลุ่มคนวัยรุ่นจะทำให้เกิดอันตรายได้สูง อาทิ การขับขี่รถยนต์ การก่ออาชญากรรม เป็นเด็กถูกทอดทิ้ง และมีปัญหา ในประเทศสหรัฐช่วงปี 1996 มีอุบัติเหตุสูงถึง 40% จากผู้ขับขี่ที่ดื่มสุรา และผู้ดื่มมากกว่า 5 แก้ว/วัน อาจเป็นโรคจิตซึมเศร้า และมีการฆ่าตัวตาย ในโรงพยาบาลพบว่า การรักษาผู้ป่วยโรคพิษสุราของคนกลุ่มนี้ เขามีโอกาสฆ่าตัวตายสูงถึง 75 เท่าของคนปกติ

*** การดื่มสุรา ผู้ชายควรดื่มไม่เกิน 2 แก้ว (ผสมแล้ว) ต่อวัน ผู้หญิงดื่มประมาณ 1 แก้ว/วัน คนสูงอายุให้ดื่มครึ่งแก้ว/วัน เพียงเท่านั้น ก็ถือว่ามากแล้ว ถ้าดื่มเกินกว่านี้ เป็นอันตรายแน่นอน ***

จริงอยู่ที่สังคมยอมรับการดื่มแอลกอฮอล์ และสมควรแล้วที่ประเทศไทยนโยบายการตรวจจับนักขับรถที่ดื่มสุรา มิฉะนั้นแล้ว แพทย์ผู้มีหน้าที่รักษาพยาบาลอาจต้องทำงานมากขึ้น โดยเฉพาะในยามค่ำคืน ทั้งหมดก็เพื่อลดอุบัติเหตุและการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน

สำหรับผู้ที่ต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม สอบถามได้ที่โทรศัพท์ 02-4223993 , 095-5415186

หรือเข้าไปดูได้ใน FB: www.facebook.com/thada.skinexpert

สอบถามข้อมูลข่าวสารและบทความได้ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทรศัพท์ 0 2000 8499 , 081 732 7889

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘ เม.ย. ARDA จับมือ ฟาร์ม เอ็กซ์โป และพันธมิตร เปิดศึก AGRITHON by ARDA Season 2 เฟ้นหาสุดยอดไอเดียปลุกพลังนวัตกรรมเกษตรไทย ชิงทุนวิจัยรวมกว่า 100
๑๘ เม.ย. กรุงศรี ฉลอง 80 ปี ดูหนัง 80 บาท ที่ Major Cineplex เมื่อชำระด้วยบัตรกรุงศรี เดบิตและบัตร Krungsri Boarding
๑๘ เม.ย. แบรนด์ซุปไก่สกัด รณรงค์ขับขี่ปลอดภัยในโครงการ สมองล้าอย่าขับ พักดื่มแบรนด์ จับมือ ตำรวจทางหลวง และ ตำรวจจราจร
๑๘ เม.ย. ซัมซุงจัดใหญ่! เป็นเจ้าของ ตู้เย็น Side by Side รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมรับสิทธิพิเศษแบบจุใจ ได้แล้ววันนี้
๑๘ เม.ย. ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดกนง.มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนเมษายนนี้
๑๘ เม.ย. EXIM BANK ร่วมกับกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs รับมือนโยบายภาษีแบบตอบโต้ของสหรัฐฯ
๑๘ เม.ย. ปักหมุด! เตรียมจัดงาน PET Expo Thailand 2025 จัดยิ่งใหญ่ครบรอบ 25 ปี
๑๘ เม.ย. ลดคลายร้อน ช้อปแลคตาซอย 1,000 ลด 100 พร้อมชวนร่วมสนุกถ่ายภาพคู่แลคตาซอย ลุ้น 10 รางวัล
๑๘ เม.ย. DITP ประชุมผู้จัดแสดงสินค้า เตรียมความพร้อมสู่เวที THAIFEX - ANUGA ASIA 2025
๑๘ เม.ย. โรงแรมเครือดุสิตธานี เปิดตัวโปรพิเศษต้อนรับซัมเมอร์ 'A Night on Us' เติมเต็มวันพักผ่อนอย่างมีความสุขกับโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตธานีทั่วโลก