นายสุรัตน์ชัย กึงฮะกิจ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ จำกัด ผู้นำบริษัทรับสร้างบ้านระดับสูง เปิดเผยว่า จากการดำเนินงานในธุรกิจรับสร้างบ้าน สิ่งหนึ่งที่พิสูจน์ได้ในเรื่องของคุณภาพของงานก็คือการอ้างอิงผลงานและการให้บริการลูกค้าในอดีตกว่า 28 ปี รวมถึงการดูแลหลังบ้านสร้างเสร็จ โดยบ้านหลังแรกที่เราก่อสร้าง เราก็ยังเข้าไปบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง ทำให้บ้านของเอ็มเพอเร่อร์ยังมีความสวยงาม คงทน จนถึงปัจจุบัน สิ่งที่สะท้อนผลงานคุณภาพออกมานั้น จะต้องมาจากการทำงานของคนภายในองค์กร ขณะนี้บริษัทได้นำแคมเปญ NUMBER 1 มาใช้เพื่อสร้างการรับรู้แก่ลูกค้าของเอ็มเพอเร่อร์ โดยแคมเปญนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้วัฒนธรรมองค์กรภายในบริษัท สร้างความเป็น NUMBER1 หรือความเป็นหนึ่ง ปลุกจิตสำนึกคนในองค์กรให้มีความกระตือรือร้น ไม่หยุดนิ่ง โดยคำว่า NUMBER 1 มาจาก
N - Never Stop Developing คือ เป็นองค์กรที่ ไม่เคยหยุดพัฒนา
U - Utmost Standard คือ การทำงานและให้บริการด้วยมาตรฐานสูงสุดของการสร้างบ้าน
M - Modernized Organization คือ องค์กรแห่งความทันสมัย, ยืดหยุ่น และปรับตัวอยู่ตลอดเวลา
B - Beyond Customer's Experience คือ ให้บริการที่เหนือกว่าความคาดหวังของลูกค้า
E - Entrepreneurial Thinking & Spirit คือ มีความคิดและจิตวิญญาณแบบผู้ประกอบการ
R - Responsiveness with service mind คือ การทำงานที่มีการตอบสนองด้วยใจรักในงานบริการ
1 - One Hearted Unity คือ ทุกคนรวมใจเป็นหนึ่งเดียว
"เมื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรเป็น NUMBER1 แล้ว จะเพิ่มศักยภาพขององค์กรให้เข็มแข็งในทุกๆ ส่วน ทั้งทีมก่อสร้าง ทีมออกแบบ ทีมบริการลูกค้า รวมไปถึงฝ่ายสนับสนุนทั้งหมดอีกด้วย เพื่อนำไปสู่ผลงานที่เป็น "ที่หนึ่ง" ให้กับลูกค้าทุกคน วัฒนธรรมองค์กร NUMBER1 สู่ผลงานที่เป็น No.1" นายสุรัตน์ชัยกล่าว
โดยตลาดรับสร้างบ้านในปัจจุบันมีการแบ่งกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจน การสร้างวัฒนธรรมองค์กร NUMBER1เป็นการกระตุ้นให้องค์กรคำนึงถึงการพัฒนาและการแข่งขันด้านคุณภาพให้มากขึ้น ตลอดระยะเวลา 28 ปี ที่ผ่านมา
ต้นแบบของเอ็มเพอเร่อร์จะเป็นงานยุโรปคลาสสิกแนวอิตาเลี่ยน แต่ปัจจุบันบริษัทฯ ก็ได้มีการศึกษาหาข้อมูลในแนวของฝรั่งเศสมาระยะหนึ่งแล้ว ทั้งการออกแบบและตกแต่งภายใน แต่สำหรับแบบบ้านใหม่ บริษัทฯ ได้มีการศึกษางานคลาสสิกสไตล์อาร์ตเดคโค (Art Deco) โดยออกแบบมาเป็นซีรีส์ที่ 2 จำนวน 2 แบบ คือแบบ Prime (พื้นที่ใช้สอย 2,000 ตร.ม.) และแบบ Prima (พื้นที่ใช้สอย 1,700 ตร.ม.)
สำหรับสถานการณ์ตลาดรับสร้างบ้านในปัจจุบัน นายสุรัตน์ชัยกล่าวว่า ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาหดตัวเล็กน้อย โดยคาดว่ามูลค่ารวมของตลาดบ้านสร้างเองปี 59 จะมีมูลค่าประมาณ 54,200 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากปีที่แล้วประมาณ 5 % ขณะที่ธุรกิจรับสร้างบ้านมีสัดส่วนประมาณ 20% คือ 10,900 ล้านบาท สาเหตุจากภาพรวมทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้เกิดความไม่มั่นใจของลูกค้า การออกโปรโมชั่นในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ที่ยังเป็นตัวที่แย่งตลาดในกลุ่มบ้านสร้างเองอยู่
ในส่วนของตลาดรับสร้างบ้านระดับบน มีการทำการตลาดแบบแบ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยเอ็มเพอเร่อร์ยังเน้นจับกลุ่มลูกค้า MESTEEM ในระดับบ้านราคา 50 ล้านบาทขึ้นไป โดยมูลค่าตลาดในกลุ่มนี้ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ลูกค้ากลุ่มนี้จะมีการวางแผนในการสร้างบ้านและศึกษาเรื่องแบบบ้านมาพอสมควรก่อนแล้ว และเมื่อพร้อมก็จะสร้างบ้าน ในปีนี้บริษัทมีงานที่สร้างอยู่ประมาณ 9 – 10 หลัง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมทั้งมีลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เข้ามาคุยเกี่ยวกับรายละเอียดการสร้างบ้านเรื่อยๆ โดยในปีนี้บริษัทฯ ได้วางเป้ารายได้รวมไว้ที่ 400 ล้านบาท ขณะนี้มียอดขายแล้วประมาณ 300 ล้านบาท