มร. เกิ่ง เชา ประธาน บริษัท โฟตอน ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงการเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ว่าปัจจุบัน โฟตอน ได้เข้ามาดำเนินธุรกิจรถยนต์ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ภายใต้ชื่อ บริษัท โฟตอน ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นการลงทุน 100% จากบริษัทแม่ ได้แก่ บริษัท ปักกิ่ง โฟตอน มอเตอร์ จำกัด เพื่อดูแลเรื่องการผลิต การขาย และการบริการภายใต้แบรนด์โฟตอนแก่ลูกค้ารถยนต์ในประเทศไทย เพื่อให้การดำเนินงานของบริษัทฯ เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก และเตรียมขยายการลงทุนเพิ่มเพื่อรองรับกับความต้องการของตลาดเมืองไทยและภูมิภาคอาเซียนที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมเตรียมเปิดตัวรถรุ่นต่างๆ ต่อเนื่องตลอดทั้งปี
สำหรับ บริษัท โฟตอน มอเตอร์ จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี 2539 โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ถือเป็นผู้ลิตและจำหน่ายรถยนต์เพื่อการพาณิชย์สัญชาติจีนรายใหญ่ที่มีพนักงานรวมมากกว่า 40,000 คน และมีรถยนต์เพื่อการพาณิชย์สำหรับตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างครบครัน ทั้งรถบรรทุกขนาดเล็ก รถบรรทุกขนาดกลาง รถบรรทุกขนาดใหญ่ รถตู้ รถกระบะ รวมไปถึงรถบัส โดยในปี 2558 ที่ผ่านมา โฟตอน มอเตอร์ สามารถครองยอดขายอันดับ 4 ในตลาดรถยนต์รวมของประเทศจีน และสามารถครองอันดับ 1 ในตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ โดยมีมูลค่าทางการตลาดสูงถึง 12.3 พันล้านดอลล่าสหรัฐ และมียอดการผลิตและยอดขายรวมนับตั้งแต่ปี 2539 จนถึงปัจจุบันแล้วกว่า 8,000,000 คัน นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือกับ เดมเลอร์ และ คัมมินส์ ก่อตั้ง บริษัท โฟตอน เดมเลอร์ ออโตโมทีฟ จำกัด และ บริษัท โฟตอน คัมมินส์ จำกัด ในการผลิตรถยนต์และเครื่องยนต์สำหรับรถรุ่นต่างๆอีกด้วย
ปัจจุบัน โฟตอน มอเตอร์ มีโรงงานประกอบรถยนต์มากกว่า 25 แห่ง ทั่วโลก และได้ก่อตั้งส่วนงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D) ในประเทศญี่ปุ่น เยอรมนี ไต้หวัน และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคต่างๆ รวมถึงหน่วยงานที่กำกับดูแลการขายในอินเดีย และ รัสเซีย โดยมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีเพื่อการประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของจีนที่ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานใหม่ๆ ครอบคลุมทั้งรถบรรทุก รถบัส และรถยนต์อเนกประสงค์
ในปี 2559 โฟตอน มอเตอร์ ประสบความสำเร็จในการพัฒนารถยนต์นั่ง และในอนาคตได้เตรียมเปิดตัวรถยนต์เอสยูวีขนาดใหญ่ รถยนต์ตรวจการณ์ และรถยนต์นั่งอเนกประสงค์สำหรับครอบครัว ทั้งนี้ ภายในปี 2563 บริษัทตั้งเป้าจะเป็นผู้ผลิตรถยนต์ระดับนานาชาติแบบครบวงจร ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย ซึ่งให้การปกป้องทั้งคนและสิ่งแวดล้อม โดยจะผลิตและสร้างยอดขายรถต่อปีกว่า 3,000,000 คัน สร้างรายได้กว่า 330 พันล้านหยวน (63.5 พันล้านบาท) ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้ โฟตอน มอเตอร์ ก้าวขึ้นสู่หนึ่งใน 10 ของผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำ และเป็นแบรนด์รถยนต์ที่สำคัญของโลก
ในส่วนของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย นั้น บริษัท โฟตอน มอเตอร์ จำกัด ได้เข้ามาทำตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2554 ผ่านผู้จำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ก่อนจะขยายการลงทุนเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดด้วยการก่อตั้ง บริษัท โฟตอน ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2558 ที่ผ่านมา จากการเล็งเห็นถึงความสำคัญของประเทศไทย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในตลาดยุทธศาสตร์หลักของโฟตอน โดยบริษัทได้ปรับปรุงสำนักงานใหญ่และโชว์รูมมาตรฐานบนถนนอ่อนนุช เขตประเวศเพื่อรองรับลูกค้า และปัจจุบันมีผู้จำหน่ายพร้อมการบริการที่ครอบคลุมแล้ว 15 แห่ง ทั่วประเทศ ทั้งนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าจะขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายให้ได้ 25 แห่ง ภายในปี 2559 และอีก 35 แห่งภายในปี 2560 รวมมีผู้จำหน่ายครอบคลุมจังหวัดหลัก 60 แห่งทั่วประเทศ และมีโรงงานผลิตรถยนต์อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางชัน เขตคันนายาว ซึ่งประกอบไปด้วยอุปกรณ์เครื่องจักรที่ทันสมัย และบุคลากรที่มีประสบการณ์ โดยโรงงานแห่งนี้จะทำการผลิตรถกระบะ และรถยนต์ทุกชนิดของโฟตอน
บริษัท โฟตอน ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ไม่เพียงนำเสนอรถยนต์คุณภาพแต่ยังได้เพิ่มความสะดวกสบายและความมั่นใจให้กับผู้จำหน่ายและลูกค้าด้วยการบริการที่ครบครันในทุกด้าน รวมทั้งการบริการหลังการขาย อะไหล่ ไฟแนนซ์ คอล เซ็นเตอร์ และการช่วยเหลือฉุกเฉิน โดยร่วมมือกับผู้ให้บริการที่มีความเชี่ยวชาญและมีชื่อเสียง อาทิ ดีเอชแอล (DHL) อลิอันซ์ โกลบอล แอสซิสแทนซ์ (AGA) และ แอลเอ็มจี ประกันภัย (LMG)
"โฟตอน อาจจะยังเป็นแบรนด์ใหม่สำหรับลูกค้าชาวไทย ดังนั้นเป้าหมายของการดำเนินธุรกิจของเราในระยะแรกจึงเน้นการสร้างการรับรู้และความมั่นใจให้กับลูกค้าในประเทศเป็นหลัก ซึ่งเราหวังว่ารถบรรทุกโฟตอนจะเป็นรถบรรทุกที่ขายดีที่สุดในประเทศไทยภายในระยะเวลาไม่นาน โดยอาศัยกลยุทธ์ทั้งทางด้านผลิตภัณฑ์ การขาย และการบริการ กล่าวคือ จะมีการประกอบรถยนต์โฟตอนในประเทศเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคและสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการทำตลาดในเมืองไทย การขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายซึ่งนอกจากจะทำหน้าที่เป็นผู้จัดจำหน่ายแล้วยังทำหน้าที่ให้บริการลูกค้าในพื้นที่ รวมไปถึงดำเนินการเรื่อง R&D อย่างต่อเนื่องเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ยิ่งไปกว่านั้น ทุกท่านจะเริ่มเห็นการจัดกิจกรรมทางการตลาด และการจัดทำกิจกรรมส่งเสริมการขายที่ตอบโจทย์ลูกค้าในประเทศมากยิ่งขึ้น" มร. เกิ่ง เชา กล่าวในตอนท้าย
สำหรับข้อมูลทั่วไป ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม ได้ที่ คอลเซ็นเตอร์ โทรศัพท์หมายเลข 02-342-3242 และสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์หรือสนใจร่วมเป็นผู้จำหน่าย กรุณาติดต่อ โทรศัพท์หมายเลข 081-818-1018 และ 086-366-2595