ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (SENA) ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชั้นแนวหน้าของเมืองไทย และในฐานะ Developer รายแรกที่ทำหมู่บ้านโซลาร์เต็มรูปแบบ เปิดเผยว่า โครงการใหม่ "เดอะ คิทท์ พลัส สุขุมวิท 113" มูลค่าโครงการ 550 ล้านบาท ได้รับการตอบรับที่ดี จากการเปิดขายในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 70% และคาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายในเร็วๆ นี้ พร้อมเตรียมเปิดเฟส 2 ต่อเนื่องเพื่อตอบรับกระแสความต้องการของตลาดในย่านนี้
ทั้งนี้โครงการ "เดอะ คิทท์ พลัส สุขุมวิท 113" เป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่มีจุดเด่น ทั้งการเดินทางที่สะดวก เพียง 400 เมตร ถึงรถไฟฟ้าสายสีเขียว และเชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าสายเหลือง การออกแบบเฟอร์นิเจอร์เป็นแบบพิเศษเฉพาะโครงการ รวมทั้งเป็นโครงการที่นำพลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์มาใช้ โดยการติดตั้งโซลาร์เซลล์ประหยัดไฟฟ้าส่วนกลาง 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ ยังเพิ่มพื้นที่นั่งเล่น ใกล้ชิดธรรมชาติ ติดห้องพักอาศัย ด้วยสวนลอยฟ้า ขนาดใหญ่ กว่า 200 ตรม. ถือเป็นการตอบโจทย์ได้อย่างลงตัว สำหรับห้องที่มีขนาด 28 ตารางเมตร ในราคาเริ่มต้น 1.2 ล้านบาท
"โครงการ "เดอะ คิทท์ พลัส สุขุมวิท 113" ได้รับการตอบรับที่ดีมาก หลักๆ ก็มาจากทำเลที่สะดวกเพียง 400เมตร ถึงรถไฟฟ้าสายสีเขียว แถมยังมีฟังก์ชั่นที่ลงตัว โดยเฉพาะแผงโซลาร์ ที่ช่วยลดค่าไฟ อีกทั้งยังเป็นโครงการที่ให้เฟอร์ฯครบ ในราคาสบายๆ ซึ่งถือว่าเป็นการตอบโจทย์ได้ดี แบบลงตัว ภายใต้ราคาที่คุ้มค่าสามารถจับต้องได้ "ผศ.ดร.เกษรา กล่าว
ผศ.ดร.เกษรา กล่าวต่อว่า บริษัททยอยเปิดโครงการใหม่ที่เหลือครบ ภายในปีนี้ตามแผนอย่างต่อเนื่อง ตามแผนงานโครงการใหม่ในปี 2559 มีจำนวน 7 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 4,670 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 1,980 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 2,690 ล้านบาท นั้น ในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทได้เปิดแล้ว 2 โครงการ คือโครงการSENA Ville บรมราชชนนี – สาย 5 มูลค่าโครงการ 880 ล้านบาท และโครงการ SENA Park Ville รามอินทรา-วงแหวน เฟส 1 มูลค่าโครงการ 1,100 ล้านบาท
พร้อมเปิดอีก 5 โครงการอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง โดยเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาได้เปิด The Kith Plusสุขุมวิท 113 มูลค่าโครงการ 550 ล้านบาท , เดือนกันยายนเปิด The Niche Mono บางนา เฟส 3 มูลค่าโครงการ 160 ล้านบาท The Niche ID พระราม 2 เฟส 2 มูลค่าโครงการ 540 ล้านบาท และบริษัทจะทยอยเปิดโครงการที่เหลืออีก 2 โครงการ ซึ่งประกอบด้วย The Kith Lite บางกะดี เฟส 2 มูลค่าโครงการ 310 ล้านบาท และ The Niche Monoสุขุมวิท 50 มูลค่าโครงการ 1,130 ล้านบาท
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2559 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้รวม 3,500 ล้านบาท และยอดขายอยู่ที่ 4,500 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรก มียอดโอนเข้ามาแล้วกว่า 2,500 ล้านบาท และยังมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ วันที่ 30 มิ.ย. 59 อีกกว่า 2,400 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นยอดที่รอรับรู้รายได้ในครึ่งปีหลังประมาณ 1,000 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทฯมีแผนเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลังเพื่อสะสมยอดขายรอโอนสำหรับปี 2560
ทั้งนี้ บริษัทฯยังคงให้ความใส่ใจ ดูแลลูกค้าภายใต้คอนเซ็ปต์ "หัวคิด และหัวใจ" พร้อมบริการดูแลหลังการขาย 360 องศา เพื่อสร้างมูลค่าสูงสุดให้แก่ลูกค้า ด้วย องศาแห่งความอุ่นใจ ในบริการแจ้งซ่อมออนไลน์ได้ตลอด 24 ชม. โดย SENA We Care , องศาแห่งความสุข ดูแลทุกโครงการให้อยู่สบายโดย Victory , องศาแห่งความสบายใจ วันไหนก็ยังมั่นคงด้วยบริการรับฝากขาย – เช่า โดย Living agent , องศาแห่งความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะติดต่อหรือติดตาม และยังตรวจสอบปริมาณการลดค่าไฟฟ้าจากโซลาร์ ก็สะดวกสบายด้วยแอพพลิเคชั่น SENA 360° SERVICE