นายชินซึเกะ ยุอาสะ ประธาน บริษัท ไทยโอซูก้า จำกัด กล่าวว่า เราเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้นำบริษัทยา ที่มุ่งเน้นสินค้าและบริการที่มีคุณภาพจนสามารถสร้างยอดขายเป็นติด 1 ใน 10 ของบริษัทยาชั้นนำในประเทศไทย โดยการผลิตน้ำเกลือภายใต้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพของโอซูกะ ประเทศญี่ปุ่น และได้ขยายการผลิตอาหารทางการแพทย์ขึ้นเป็นแห่งเดียวในไทย ภายใต้แบรนด์ของคนไทยซึ่งมียอดขายทั้งในและต่างประเทศราว 2,000 กว่าล้านบาท และมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยเฉพาะในผลิตภัณฑ์ด้านอาหารทางการแพทย์เติบโตอย่างรวดเร็วเพิ่มขึ้นในอัตรา 10% ทุก ๆ ปี เพราะกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก เนื่องจากอาหารทางการแพทย์คืออาหารที่ได้มีการทดลอง ศึกษาถึงประสิทธิภาพที่ใช้ได้ในคนปกติและผู้ป่วยโรคต่างๆ มีผลการศึกษาและทดลองที่ชัดเจน ซึ่งยืนยันได้ว่ามีผลดี ปลอดภัย และเหมาะสมต่อผู้ป่วยมากกว่าอาหารเสริม และก่อนที่จะขึ้นทะเบียนอาหารทางการแพทย์ได้นั้น ต้องมีหลักฐานทางการแพทย์ว่าใช้ได้ผลและปลอดภัย ผู้บริโภคจึงเกิดความมั่นใจ ได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจ ความต้องการผลิตภัณฑ์จึงมีอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้จากที่บริษัทเรามีโรงงานผลิตอาหารทางการแพทย์แห่งเดียวในประเทศไทย โดยได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับแพทย์ไทย เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและสนองตอบลูกค้าเป็นอย่างดี จึงส่งผลให้ขณะนี้กำลังการผลิตของบริษัทไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดที่เพิ่มมากขึ้น ล่าสุด บริษัทจึงได้ทุ่มงบราว 650 ล้านบาท ในการลงทุนสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่า แบ่งเป็นสร้างอาคาร 250 ล้านบาท และการพัฒนา เครื่องจักร และการค้นคว้าวิจัยอีก 400 ล้านบาท เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยโรงงานแห่งใหม่นี้เราใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ได้มาตรฐาน โดยใช้ระบบบริหารจัดการแบบญี่ปุ่น ฉะนั้นจึงมั่นใจได้ว่า มาตรฐานในการผลิตนั้นเทียบเท่ากับการผลิตยารักษาโรคและน้ำเกลือ
"อาหารทางการแพทย์สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้หลายกลุ่ม โดยไม่จำเป็นเฉพาะกลุ่มหลัก ได้แก่ ผู้ป่วยโดยเฉพาะ เช่นโรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรคตับ หรือแม้แต่ผู้ป่วยเด็กที่มีระบบการดูดซึมบกพร่อง และกลุ่มรองของอาหารทางการแพทย์ยังสามารถใช้ได้กับบุคคลทั่วไป ซึ่งมีการยืนยันว่าได้ผลดี มีองค์ประกอบและสารอาหารที่ครบถ้วน เหมาะกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนยุคปัจจุบันที่เร่งรีบในแต่วันอาจรับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ ซึ่งอาหารทางการแพทย์นี้ สามารถเข้าไปช่วยทดแทนสารอาหารที่ขาดหายไปและสะดวกต่อผู้บริโภคในแต่ละรายกให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนในละวันได้เป็นอย่างดี" นาย ชินซึเกะ กล่าว
ด้าน นาย ธนัญ สันตโยดม ประธานกรรมการ ตัวแทนผู้บริหารฝ่ายกรรมการบริษัทไทย โอซูก้า จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่บริษัทเราได้สร้างโรงงานผลิตอาหารทางการแพทย์ในประเทศไทยนั้น ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจไทยให้ดีขึ้นในการลดการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ส่งผลให้มีการจ้างงานในประเทศมากขึ้น และในอนาคตเราจะส่งเสริมในการใช้วัตถุดิบในไทยมากขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพของ Supply Chain ด้วย ในช่วงไตรมาสสุดท้าย ของปีนี้ บริษัทได้ใช้งบประมาณการตลาดราว 50 ล้านบาท ในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ "Once Pro" โดยส่งเสริมการตลาดทั้งการโฆษณา และประชาสัมพันธ์ อย่างครบวงจร เพื่อให้ผู้บริโภคได้รู้จักอย่างแพร่หลายหรือในวงกว้างมากขึ้น โดยจะเน้นการสร้างการรับรู้ให้เข้าถึงบุคคลากรทางการแพทย์มากขึ้นพร้อมเพิ่มการวิจัย และพัฒนา ในการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีคุณภาพ ออกมาตอบสนองต่อความต้องการของผู้ป่วยและผู้บริโภคทั่วไปให้เพิ่มมากยิ่งขึ้นด้วย
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์มีอัตราการเติบโตต่อเนื่องมากกว่า 10% ในทุกปี โดยบริษัทตั้งเป้าไว้ว่าหลังจากสร้างโรงงานใหม่เรียบร้อยแล้วจะสามารถเพิ่มยอดขายได้มากกว่า 20% หรือ ราว 300 ล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้และจะทำให้บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 32% จากปัจจุบัน 22% ภายในระยะเวลา 5 ปี ได้อย่างแน่นอน