นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการและประธานบริหารการลงทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 11-17 ตุลาคม 2559 บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ซีซี (KFF6MCC) ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 1.55% ต่อปี และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 3 เดือน เอเอฟ (KFF3MAF) ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 1.45% ต่อปี โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี
สำหรับภาวะตราสารหนี้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นายชัชชัยกล่าวว่า "อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นในตราสารระยะยาว ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยภายนอกประเทศ ได้แก่ ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯโดยรวมที่ออกมาเป็นไปในทิศทางที่ดี อาทิ ดัชนีภาคบริการประจำเดือนกันยายนที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ รวมถึงรายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ปรับตัวดีขึ้น แสดงถึงภาวะตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้ตลาดคาดว่า Fed มีโอกาสมากขึ้นที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม FOMC โดยเฉพาะในรอบเดือนธันวาคมปีนี้ ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศ สถานการณ์เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณบวกมากขึ้น โดยธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงทิศทางของเศรษฐกิจไทยที่มีการฟื้นตัวอย่างช้าๆ จากตัวเลขการใช้จ่ายภาครัฐและเอกชนเดือนสิงหาคมที่ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนกันยายนที่เพิ่มขึ้นในเกือบทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวยังเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังคาดหวังถึงแรงสนับสนุนจากภาครัฐบาลที่จะเน้นการใช้จ่ายเพื่อการลงทุน และกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี"
นายชัชชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ไม่มากนัก หรือผู้ที่ต้องการแบ่งเงินลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงมาลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ บลจ.กสิกรไทยได้เปิดเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศประเภทกำหนดอายุโครงการเป็นประจำทุกสัปดาห์เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการล็อกผลตอบแทนที่แน่นอน โดยสามารถเลือกลงทุนเป็นเวลา 3 เดือน หรือ 6 เดือน ทั้งนี้สำหรับ กองทุน KFF6MCC ที่มีอายุโครงการ 6 เดือน เบื้องต้นคาดว่าจะเข้าไปลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank Corporation, เงินฝาก Commercial Bank of Qatar, ประเทศกาตาร์, เงินฝาก First Gulf Bank และเงินฝาก Union National Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นอกจากนี้ยังคาดว่าจะลงทุนในตราสารหนี้ Qatar National Bank ด้านกองทุน KFF3MAF ที่มีอายุโครงการ 3 เดือน เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก Bank of China, เงินฝาก China Construction Bank Corporation, เงินฝาก Union National Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และตราสารหนี้ Qatar National Bank นอกจากนี้ยังคาดว่าจะลงทุนในตราสารหนี้ First Gulf Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และผู้ลงทุนสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ยังได้เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนต่อเนื่องให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการ (Fixed Term Fund) ของบลจ.กสิกรไทย ซึ่งเมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนเลือกได้กองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค เอ็มพลัส (K-MPLUS) ซึ่งอยู่ในกลุ่มกองทุนรวมตราสารหนี้ ของบลจ.กสิกรไทย
สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนกับกองทุน KFF6MCC และกองทุน KFF3MAF สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถาม KAsset Contact Center 0 2673 3888 หรือที่ www.kasikornasset.com