นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (CE) บริษัทย่อยที่ดูแลธุรกิจพลังงาน ในเครือบริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาว (Steel Billet) รายใหญ่ของประเทศที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และธุรกิจพลังงานทดแทนประเภทพลังงานแสงอาทิตย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการขยายธุรกิจโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Farm) ในประเทศญี่ปุ่นว่า ล่าสุดบริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนวงเงินสินเชื่อเพื่อใช้ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ จากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งธนาคาร สำหรับใช้ใน 4 โครงการ ขนาดกำลังการผลิต 4.8 เมกะวัตต์ (DC) วงเงิน 1,513 ล้านเยนหลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารชั้นนำของไทยแล้ว 2 ธนาคาร คือธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) และ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ EXIM BANK โดยทั้งสองธนาคารให้วงเงินสนับสนุนรวมกัน 12,880 ล้านเยน
"เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2559 ที่ผ่านมา CHOW โดยบริษัทย่อยได้ลงนามรับการสนับสนุนวงเงินสินเชื่อเพื่อใช้ในโครงการ อิบารากิ (Ibaraki) ขนาดกำลังการผลิต 1.20 เมกะวัตต์ (DC) ตั้งอยู่ในจังหวัดอิบารากิ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้เชื่อมต่อสายส่งจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation Date: COD) กับการไฟฟ้าญี่ปุ่นไปแล้วเมื่อเดือนกันยายน 2558 ที่ผ่านมา ส่วนที่เหลืออีก 3 โครงการ อยู่ระหว่างการรอลงนามในสัญญา สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ อิบารากิ ถือเป็นโครงการที่สามของ CHOW ที่จ่ายไฟเข้าระบบในเชิงพาณิชย์ โดยปัจจุบันCHOW มีโครงการโรงไฟฟ้าที่จ่ายไฟเข้าระบบในเชิงพาณิชย์แล้วจำนวน 23.5 เมกะวัตต์ จากการลงทุนเฟสแรกจำนวน 18 เมกะวัตต์ และโครงการลงทุนในเฟส 2 จำนวน 15 เมกะวัตต์ โดยที่เหลืออยู่ระหว่างการก่อสร้าง พัฒนา และรอเชื่อมต่อสายส่งเพื่อขายไฟในเชิงพาณิชย์" นายอนาวิลกล่าว
สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น CHOW ได้ดำเนินธุรกิจใน 3 รูปแบบ คือลงทุนด้วยตัวเองผ่านบริษัทย่อย โดยเริ่มเฟสแรกที่ขนาด 18 เมกะวัตต์ และเฟสที่ 2 จำนวน 15 เมกะวัตต์ดังกล่าว ส่วนรูปแบบที่สองพัฒนาโครงการเพื่อขายให้กับพันธมิตร ซึ่งขณะนี้ได้พัฒนาโครงการรวมทั้งสิ้น 9 โครงการ และลงทุนร่วมกันพันธมิตรจำนวน 24.04 เมกะวัตต์ และมีนโยบายจะขยายการลงทุนเพิ่มอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นยังต้องการใช้ไฟฟ้าจากโครงการพลังงานทดแทนอีกเป็นจำนวนมาก ในขณะที่บริษัทฯ มีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจนี้เป็นอย่างดี ประกอบกับที่ผ่านมาการลงทุนอย่างต่อเนื่องทำให้ CHOW ได้รับโอกาสทางธุรกิจเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากความเชี่ยวชาญในธุรกิจ ความไว้วางใจจากคู่ค้าและโดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงินจากทั้งในและต่างประเทศ จนทำให้ต้นทุนทางการเงินเริ่มลดต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสนับสนุนให้ CHOW GROUP ขยายธุรกิจด้านพลังงาน รองรับโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ได้คล่องตัวยิ่งขึ้น โดยหลังจากนี้มั่นใจว่า CHOW จะสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจพลังงานได้อย่างชัดเจน ตามเป้าหมายที่วางไว้