“โกลเบล็ก” มองหุ้นไทยขานรับปัจจัยบวกต่างประเทศ ให้กรอบดัชนี 1,440 – 1,480 จุด สะสมหุ้นพลังงานอานิสงส์ราคาน้ำมันยืนเหนือ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล

พุธ ๑๒ ตุลาคม ๒๐๑๖ ๑๔:๔๓
บล.โกลเบล็ก มองหุ้นไทยได้แรงบวกจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นยืนเหนือ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังรัสเซียพร้อมให้ความร่วมมือในการจำกัดเพดานการผลิตน้ำมัน รวมถึงผลสำรวจ Debate รอบ 2 ชี้ว่า นางฮิลลารี คลินตัน ชนะ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ด้วยคะแนน 57% ต่อ 34% แนะสะสมกลุ่มพลังงาน ได้อานิสงส์ราคาน้ำมันปรับตัว ด้านราคาทองคำเริ่มฟื้นตัวได้เล็กน้อยหลังปรับลงต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีแนวรับ 1,240-1,235 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,285-1,290 เหรียญต่อทรอยออนซ์

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นยืนเหนือ 50 US/Barrel หลังรัสเซียพร้อมให้ความร่วมมือในการจำกัดเพดานการผลิตน้ำมัน และคาดการณ์กลุ่มโอเปกสามารถบรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตในการประชุม 30 พ.ย. ผลสำรวจของ CNN หลัง Debate รอบ 2 ชี้ว่า นางฮิลลารี คลินตัน ชนะ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ด้วยคะแนน 57% ต่อ 34% และก.ล.ต. มั่นใจ "ดอยซ์แบงก์" ไม่กระทบกองทุนรวม เนื่องจากมีธุรกรรมที่เกี่ยวข้องไม่ถึง 0.1% อีกทั้งไม่พบว่าดอยซ์แบงก์ออกสตรัคเจอร์โน้ตในตลาดทุนไทย

ทั้งนี้ ยังคงมีความกังวลจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐหลังตัวเลขการจ้างงานและการว่างงานของสหรัฐฯอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ประกอบกับแนวโน้มเงินบาทอ่อนค่าลงล่าสุด 35.1 บาท/ดอลลาร์ อาจกระทบต่อกระแส Fund Flow ต่างชาติ และรายงานข่าวที่ว่าจะมีกลุ่มก่อการร้ายเตรียมก่อเหตุวินาศกรรมในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวม 3 จุด ช่วงวันที่ 25-30 ต.ค.

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ วันนี้ – 21 ต.ค. เป็นช่วงของการประกาศงบการเงินสิ้นสุดไตรมาส 3/2559 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ รวมทั้งการ Preview งบไตรมาส 3/2559 ของบริษัทฯจดทะเบียนในตลท. และในวันที่ 13 ต.ค.สหรัฐมีกำหนดเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ซึ่งสะท้อนภาพตลาดแรงงานของสหรัฐที่เป็นปัจจัยประกอบการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ

ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า แม้ตลาดหุ้นไทยจะมีปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นยืนเหนือ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล รวมถึงผลสำรวจการ Debate รอบ 2 ชี้ว่า นางฮิลลารี คลินตัน เป็นฝ่ายชนะ อย่างไรก็ตามค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง รวมถึงกระแสความกังวลการก่อเหตุร้ายภายในประเทศเป็นแรงกดดันต่อ Fund Flow และภาพรวมการลงทุนของไทย

ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวผันผวนโดยมีกรอบเคลื่อนตัวที่ 1,440 – 1,480 จุด ทั้งนี้ให้รอซื้อสะสมช่วงอ่อนตัว แบบ Selective Buyได้แก่ กลุ่มส่งออก (อาหารและอิเล็กทรอนิกส์) ได้อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่า กลุ่มพลังงาน ได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเหนือ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล และ BANPU ได้อานิสงส์จากราคาถ่านหินขึ้นทำ High ในรอบ 2 ปี ล่าสุด 84 ดอลลาร์/ตัน หลังจีนเร่งแก้ปัญหาโอเวอร์ซัพพลาย

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำเริ่มฟื้นตัวได้เล็กน้อยหลังปรับลงต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมาจากความกังวลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดหลังกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 156,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. แม้ว่าตัวเลขจะปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดแต่นักลงทุนมองว่าตัวเลขจ้างงานไม่ได้ต่ำมากเกินไปจนทำให้เฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ขณะที่ประธานเฟด สาขาคลีฟแลนด์ และนายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธานเฟด มองว่าตัวเลขการจ้างงานที่ออกมาใกล้เคียงกับตัวเลขที่เฟดต้องการ โดย CME Group FedWatch ระบุว่านักลงทุนคาดว่ามีโอกาสมากกว่า 60% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.

อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่จัดทำโดย CNN/ORC บ่งชี้ว่า นางฮิลลารีสามารถคว้าชัยชนะเหนือนายทรัมป์ ไปด้วยคะแนน 57% ต่อ 34% ในการโต้วาทีรอบที่ 2 ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐและหนุนให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ อย่างไรก็ตามราคาทองก็เริ่มฟื้นตัวขึ้นมาได้บ้างจากแรงซื้อเก็งกำไรหลังจากราคาทองคำปรับลงแรงต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

สำหรับแนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิค ราคาปรับลงมาจบแนวลงรูปแบบ ROUNDING TOP พร้อมกับสร้างแท่งเทียนสัญญาณบวกSPINING BOTTOM ที่แกว่งตัวอยู่ในเขตลงแรงมากเกินไป พร้อมกับเริ่มฟื้นตัวยกจุดต่ำสูงขึ้น ประกอบกับค่าสัญญาณ RSI มีภาวะ OVER SOLD เป็นแรงหนุนเสริม ทำให้ราคามีโอกาสฟื้นตัวขึ้น แต่จะเป็นช่วงสั้นๆเนื่องจากแนวต้านเส้น 5 และ 10 วันที่เรียงตัวเป็นแนวโน้มลง รวมถึงแนวโน้มลงหลักยังกดดันอยู่ โดยมีแนวรับ 1,240-1,235 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,285-1,290 เหรียญต่อทรอยออนซ์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ