กรุงเทพฯ--22 ก.พ.--124 คอมมิวนิเคชั่นส
น้ำตาลขอนแก่น ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทั้งในและต่างประเทศ โดยมีประสิทธิภาพการผลิตสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ กระจายประมาณ 280 ล้านหุ้น ดีเดย์ 24-25 กุมภา นี้ ราคา 4.30 สุดปลื้มบริษัทกันหุ้นให้ชาวไร่ 5 ล้านหุ้น
นายจำรูญ ชินธรรมมิตร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) (KSL) ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทั้งในและต่างประเทศ โดยมีประสิทธิภาพผลิตสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทได้แต่งตั้งให้บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาการเงินในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น บริษัทได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ให้ทำการเสนอขายหุ้นประมาณ 280 ล้าน(พาร์ 1 บาท) ที่ราคาหุ้นละ 4.30 บาท โดยเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 24-25 กุมภาพันธ์ ศกนี้
“ผุ้ร่วมจัดจำหน่ายที่ร่วมรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของน้ำตาลขอนแก่น (KSL) ประกอบด้วย
บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน)*
บริษัทหลักทรัพย์ บีที จำกัด *
บริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด(มหาชน) *
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) *
บริษัทหลักทรัพย์ฟินันซ่า จำกัด *
บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาติ จำกัด (มหาชน) *
นายจำรูญกล่าวต่อไปว่า “เมื่อวันที่ 16-18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาบริษัทได้ทำการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนส่วนหนึ่งให้กับชาวไร่อ้อย และพนักงาน ซึ่งได้รับความสนใจจากชาวไร่อ้อยอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีชาวไร่อ้อยที่เป็นคู่สัญญาอยู่ประมาณ 8,000 ราย ซึ่งการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปในครั้งนี้ บริษัทฯจะนำเงินที่ได้ไปลงทุนในธุรกิจปลายน้ำ (Downward Integration) ตามนโยบายพลังงานและสิ่งแวดล้อม โดยส่วนหนึ่งของเงินจะนำไปลงทุนในบริษัท โรงไฟฟ้าน้ำตาลขอนแก่น และบริษัท ขอนแก่นแอลกอฮอล์ จำกัด อีกส่วนหนึ่งจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ” นายจำรูญ กล่าว
นายจำรูญ กล่าวถึงรายละเอียดของโครงการทั้งสามว่า “โครงการโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการโดย บริษัทโรงไฟฟ้า น้ำตาลขอนแก่น จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้าขนาด 30 เมกกะวัตต์ โดยจะทำการขายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตจำนวน 20 เมกกะวัตต์ และใช้ในโรงงาน5 เมกกะวัตต์ โดยใช้เงินลงทุน1,000 .ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการได้ภายในปลายปี 2549 ทั้งนี้คาดว่าจะมีรายได้จากโรงไฟฟ้านี้ปีละ 400 ล้านบาท, บริษัท ขอนแก่นแอลกอฮอล์ ดำเนินการผลิตเอทานอล สำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิง โดยเงินที่ใช้ลงทุน 300 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการผลิตได้ประมาณปลายปี 2548 และคาดว่าจะมีรายได้ประมาณปีละ 380 ล้านบาท และโรงผลิตปุ๋ยใช้เงินลงทุนประมาณ 120 ล้านบาท”
“ผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยตามงบการเงินเสมือนที่บริษัทจัดทำขึ้นสำหรับปี 2547 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม ทั้งสิ้น 6,006 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากการขายน้ำตาล 5,265 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี 911 ล้านบาท กำไรสุทธิก่อนการปรับปรุงรายการพิเศษ 617 ล้านบาท บริษัทมีสินทรัพย์รวม 7,957 ล้านบาท และมีหนี้สินรวมและส่วนของผู้ถือหุ้น 1,565 ล้านบาท และ 5,311 ล้านบาท ตามลำดับ ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้โครงสร้างทางธุรกิจของบริษัทฯและบริษัทย่อยมีความมั่นคงคือ การที่บริษัทผลิตน้ำตาลทรายคุณภาพสูง และผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ โดยนำตาลทรายที่บริษัทฯผลิตได้มี 4 ประเภท ได้แก่ น้ำตาลทรายดิบ (Raw Sugar), น้ำตาลทรายดิบคุณภาพสูง (High Pol Sugar), น้ำตาลทรายขาว (White Sugar), น้ำตาลบริสุทธิ์ (Refined Sugar) และนอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์เสริมที่สามารถนำไปสร้างมูลค่าเพิ่มหรือเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมต่างๆได้ อาทิ กากอ้อย (Bagasses) กากหม้อกรอง (Filter Mud) และกากน้ำตาล (Molasses)” นายจำรูญ กล่าว
นายจำรูญ กล่าวว่า “ในการกระจายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปครั้งนี้ ทำให้สัดส่วนผู้ถือหุ้นก่อนและหลัง IPO เปลี่ยนแปลงไป — โดย บจก. เด เอส แอล ชูการ์โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้น ร้อยละ 39 สัดส่วนการถือหุ้นหลังเพิ่มทุนลดลงเหลือ ร้อยละ 32, กลุ่มครอบครัวชินธรรมมิตร์ ถือหุ้น ร้อยละ 25 ถือหุ้นลดเหลือ ร้อยละ 20 กลุ่มครอบครัวชุติมาวรพันธ์ ถือหุ้น ร้อยละ 6 ลดเหลือ ร้อยละ 5, กลุ่มครอบครัวโตการัณยเศรษฐ์ ถือหุ้น ร้อยละ 4 ลดเหลือ ร้อยละ 3, กลุ่มครอบครัวโรจนะโชติกุล ร้อยละ 4 และลดเหลือ ร้อยละ” โดยจะมีสัดส่วนของหุ้นเพิ่มทุนใหม่ที่กระจายแก่ประชาชนในครั้งนี้ประมาณร้อยละ 18 ของทุนชำระแล้วของบริษัท
นายจำรูญ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ธุรกิจของบริษัทมีการดำเนินงานที่ดีมาตลอด ซึ่งบริษัทได้มีการเพิ่มทุนเพื่อขยายธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2547 บริษัทได้เพิ่มทุนจาก 900 ล้านบาท เป็น 1,600 ล้านบาท เพื่อรวมกิจการโดยการซื้อหุ้นของโรงงานน้ำตาลอื่นๆในเครือทั้งหมดมารวมกันอยู่ภายใต้การบริหารเดียวกัน นอกจากนั้น บริษัทเองได้ขายเงินลงทุนในบริษัทที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจน้ำตาลออกไป โดยปัจจุบัน บริษัทมีโรงงานน้ำตาลภายใต้การบริหารจัดการทั้งหมด 4 โรงงานได้แก่ 1. บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) จังหวัดขอนแก่น ครอบคลุมพื้นที่การผลิตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2. บริษัท โรงงานน้ำตาลนิวกรุงไทย จำกัด จังหวัดกาญจนบุรี ครอบคลุมพื้นที่การผลิตภาคกลาง 3. บริษัท น้ำตาลท่ามะกา จำกัด จังหวัดกาญจนบุรี ครอบคลุมพื้นที่การผลิตภาคกลาง และ 4. บริษัทนิวกว้างสุ้นหลี จำกัด จังหวัดชลบุรี ครอบคลุมพื้นที่การผลิตภาคตะวันออก”
ดร.อุดมศักดิ์ ชาครียวณิชย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ แอสเซท พลัส จำกัด (มหาชน)
กล่าวว่า “ KSL ถือได้ว่าเป็นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมน้ำตาลรายแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย ซึ่งเราเชื่อมั่นว่า KSL จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก เนื่องจากอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลเป็นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับประชาชนและเกษตรกรจำนวนมากของประเทศ อีกทั้งปัจจุบันประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกน้ำตาลรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากบราซิล”
อนึ่ง บริษัทน้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งขึ้นในปี 2519 ด้วยทุนจดทะเบียน 60 ล้านบาท ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียน 1,600 ล้านบาท เรียกชำระแล้วประมาณ 1,270 ล้านบาท โดยมีโรงงานผลิตน้ำตาลทรายอยู่ที่อำเภอ น้ำพอง จังหวัด ขอนแก่น ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยปริมาณการหีบอ้อยของบริษัทโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ทั้งนี้บริษัทเป็นผู้ดำเนินธุรกิจผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำตาลทรายประกอบด้วย น้ำตาลทรายดิบ (Raw Sugar) น้ำตาลทรายขาว (White Sugar) น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ (Refined Sugar) และ โมลาส ( Molasses) โดยกลุ่มบริษัทน้ำตาลขอนแก่นเป็นผู้ผลิตและผู้จำหน่ายน้ำตาลรายใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย และเป็นบริษัทน้ำตาลที่ได้ผ่านการตรวจรับรองระบบบริหารจัดการคุณภาพตาม “มาตรฐาน SQF 2000”, “มาตรฐาน ISO 9001 Version 2000”, รวมทั้ง “มาตรฐานระบบวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤติที่ต้องการควบคุม” หรือ HACCP
ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทน้ำตาลขอนแก่นมีโรงงานน้ำตาลภายใต้กลุ่มทั้งหมด 4 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ 3 ภาค ได้แก่ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โรงงานน้ำตาลนิวกรุงไทย จำกัด และบริษัท น้ำตาลท่ามะกา จำกัด ในภาคกลาง และ บริษัท น้ำตาลกว้างสุ้นหลี จำกัด ในภาคตะวันออก
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ:
อินทิรา ใจอ่อนน้อม
ม.ล. ฉัตรามณี เกษมศรี
ดรรชนี นวลเขียว
ศศิคนางค์ ศรีนวน
ครองใจ แสงเงิน
124 คอมมิวนิเคชั่นส
โทร. 02-662-2266--จบ--