นายสุริยันต์ โคจรโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่ด้านปฏิบัติการ บริษัท ศิครินทร์ จำกัด (มหาชน) (SKR) เปิดเผยว่าที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2559 เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2559 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทฯออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 25,009,415 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 6.50 บาท เพื่อเสนอขายแบบเฉพาะเจาะจงต่อบุคคลจำกัด (Private Placement) ให้บริษัท ศิครินทร์ หาดใหญ่ โฮลดิ้ง จำกัด (SHH) ในราคาหุ้นละ 59 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 1,475,555,485 บาท เพื่อเป็นการตอบแทนการที่ SHH โอนกิจการทั้งหมดให้แก่บริษัทฯ ซึ่งประกอบด้วยหุ้นสามัญของ บริษัท โรงพยาบาล ศิครินทร์ หาดใหญ่ จำกัด (SKHY) คิดเป็นร้อยละ 82.34 ของหุ้นทั้งหมดของ SKHY พร้อมรับโอน สินทรัพย์ หนี้สิน สิทธิ หน้าที่และภาระผูกพันธ์ทั้งหมดของ SHH และภายหลังการับโอนกิจการแล้วเสร็จ SKR จะถือหุ้นโดยตรงใน SKHY ร้อยละ 94.11 (ปัจจุบันSKR ถืออยู่ใน SKHY จำนวน 5,886,792 หุ้น คิดเป็นร้อยละ11.77)
"กระบวนการรับโอนกิจการทั้งหมด และการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จะสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 4/59 จากนั้นโรงพยาบาล ศิครินทร์ หาดใหญ่ (SKHY) จะมีสถานะเป็นบริษัทย่อยของSKR ซึ่งจะทำให้แผนการขยายกิจการโรงพยาบาลไปสู่จังหวัดสงขลาและจังหวัดใกล้เคียงจนถึงระดับภูมิภาคเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว สอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติ ในการเป็น "ศูนย์กลางบริการสุขภาพนานาชาติ" หรือ Medical Hub รองรับลูกค้าต่างชาติ อาทิ อินโดนีเซียและมาเลเซีย เป็นต้น"
นอกจากนี้ ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นยังได้มีมติอนุมัติให้เพิ่มทุนจำนวน 6 ล้านหุ้น จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิม (RO) ในอัตราส่วน 20 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ โดยเสนอขายในราคาหุ้นละ25 บาท คาดว่าจะได้รับเงินจากการเพิ่มทุนครั้งนี้จำนวน 150 ล้านบาท โดยจะนำไปใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และขีดความสามารถทางการแข่งขันและขยายการลงทุน เพื่อสร้างความยั่งยืนในการประกอบธุรกิจให้บริการทางการแพทย์ที่เป็นธุรกิจหลัก อันจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ถือหุ้นต่อไปในอนาคต
"SKR ตั้งเป้าหมายที่จะขยายศักยภาพการดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้และกำไรสุทธิอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน จากการการเข้าทำรายการในครั้งนี้จะทำให้ SKR สามารถขยายกิจการโรงพยาบาลไปสู่จังหวัดสงขลาและจังหวัดใกล้เคียงซึ่งเป็นแหล่งเศรษฐกิจที่มีความสำคัญแห่งหนึ่งในเขตจังหวัดภาคใต้ได้อย่างรวดเร็ว ประกอบกับการที่ในปัจจุบัน SKR ได้มีการลงทุนในหุ้นของ SKHY อยู่แล้วในสัดส่วนร้อยละ 11.77 ทำให้เข้าใจถึงศักยภาพและความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจของ SKHY เป็นอย่างดี นอกจากนั้น SKHY เพิ่งได้รับการรับรองมาตรฐานโรงพยาบาลระดับสากล (The Joint Commission International : JCI) จึงเล็งเห็นว่าสามารถให้ความร่วมมือกับ SKHY ในการให้บริการ การบริหารจัดการ การใช้เทคโนโลยี และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงการใช้ประสบการณ์ของ SKR เพื่อวางกลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสม ซึ่งจะทำให้ SKR และ SKHY สามารถประกอบธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อันจะนำมาซึ่งรายได้และผลตอบแทนที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต นอกจากนั้นการเข้าลงทุนในครั้งนี้เป็นการแลกหุ้น (Share Swap) ทำให้ไม่ต้องใช้เงินสดในการเข้าซื้อหุ้น"
นายสุริยันต์กล่าวต่อในช่วงท้ายว่าการเข้าลงทุนเพิ่มเติมใน SKHY ครั้งนี้ ถือว่าเป็นการตัดสินใจเข้าลงทุนในทรัพย์สินที่มีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก โดยอาคารผู้ป่วยของ SKHY ณ ปัจจุบันเป็นอาคาร 12 ชั้น มีขนาดพื้นที่ใช้งานได้ 35,800ตารางเมตร พร้อมลานจอดเฮลิคอปเตอร์ได้ก่อสร้างไว้รองรับการให้บริการผู้ป่วยได้สูงสุดถึง 400 เตียง ซึ่งปัจจุบันได้เปิดให้บริการเฉพาะผู้ป่วยในจำนวน 120 เตียง ที่สำคัญSKHY ยังมีศูนย์คลีนิกที่สามารถให้บริการทางการแพทย์เฉพาะทางได้หลายด้าน เช่น ศูนย์โรคกระดูกและข้อ ศูนย์ผู้มีบุตรยาก และศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัด เป็นต้น นอกจากนี้ การที่ SKHY เพิ่งได้รับการรับรองมาตรฐานโรงพยาบาลระดับสากล (JCI) โดยเป็นมาตรฐานที่อยู่ในการกำกับดูแลของ The Joint Commission ซึ่งเป็นสถาบันอิสระของประเทศสหรัฐอเมริกาที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลให้ทำหน้าที่รับรองคุณภาพสถานพยาบาลว่าได้มาตรฐานหรือไม่ มาตรฐาน JCI เป็นที่ยอมรับและเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวยุโรปและอเมริกา การได้มาตรฐาน JCI จะสร้างความน่าเชื่อถือและสร้างเชื่อมั่นแก่ผู้ป่วยที่มาเข้ารับการรักษาภายในโรงพยาบาล โดยจะช่วยดึงดูดผู้ป่วยต่างชาติให้เข้ารับการรักษาใน SKHY และยังเป็นส่วนช่วยให้ SKHY สามารถเพิ่มอัตราค่ารักษาพยาบาลในระดับที่เหมาะสมกับมาตรฐานที่ได้รับอีกด้วย