อาจารย์ธนิสร์ เผยว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นคีตกวีและนักดนตรีที่ชาวโลกยกย่อง ทรงพระปรีชาสามารถในการทรงดนตรี ทรงพระราชนิพนธ์เพลง แยกและเรียบเรียงเสียงประสาน ทรงเป็นครูสอนดนตรีแก่ข้าราชบริพารใกล้ชิดและทรงซ่อมเครื่องดนตรีได้ด้วย ตลอดจนทรงเชี่ยวชาญในศิลปะแขนงต่างๆ อย่างแท้จริง สมกับที่พสกนิกรชาวไทยน้อมเกล้าฯ ถวายพระราชสมัญญา"อัครศิลปิน"
"พระองค์ท่านทรงเป็นต้นแบบทางดนตรีมาตลอดชีวิต ผมเหมือนสูญเสียครูที่ดีที่สุดในชีวิตไป ผมมีความรู้ด้านดนตรีมาไกลเกินฝันเพราะมีพระองค์ท่านเป็นต้นแบบมาตั้งแต่อยู่บ้านเกิดที่จังหวัดสิงห์บุรี และเรียนดนตรีจากบทเพลงพระราชนิพนธ์ของพระองค์ท่าน เล่นเพลงลูกทุ่ง ลูกกรุง รำวง จนคุ้นชินกับเพลงพระราชนิพนธ์ โดยเฉพาะเพลงแสงเทียน ทรงพระราชนิพนธ์ทำนองเพลง "แสงเทียน" เป็นเพลงพระราชนิพนธ์เพลงแรก ซึ่งเป็นเพลงที่ยิ่งใหญ่และมีความซาบซึ้งตรึงใจ"
อาจารย์ธนิสร์ กล่าวด้วยว่า เพลงพระราชนิพนธ์ทุกเพลงล้วนมีทำนองไพเราะ ประทับใจผู้ฟัง สอดคล้องกับเนื้อร้องซึ่งมีคตินานัปการ และเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของชีวิตคนไทย ในยามที่บ้านเมืองไม่สงบสุข ก็พระราชทานเพลงปลุกใจเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ แก่ข้าราชการ ทหาร พลเรือน และประชาชน ผู้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติ มิให้เกิดความย่อท้อ ในการทำความดีต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ต่อตนเองและสังคม
"ด้วยความอาลัยจากหัวใจที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ ผมซาบซึ้งในบทเพลงพระราชนิพนธ์ที่พระองค์ท่านทรงบรรเลงและพระอัจฉริยภาพทางดนตรี คนไทยนับว่าโชคดีที่ได้มีโอกาสเล่นเพลงพระราชนิพนธ์ของพระมหากษัติรย์ที่ยิ่งใหญ่พระองค์เดียวในโลก พระมหากษัตริย์ที่มีพระปรีชาสามารถในการทรงดนตรี และเป็นแบบอย่างให้กับพสกนิกรชาวไทยได้รู้จักสืบสานและอนุรักษ์ศิลปะของไทย"
อาจารย์ธนิสร์ ฝากถึงลูกหลานคนไทยว่า ภาษาของดนตรีนอกจากมีเพลงแจ๊ส คสาสสิค ลูกทุ่ง ลูกกรุง และหมอลำแล้ว บทเพลงพระราชนิพนธ์เป็นอีกสำเนียงหนึ่งของประเทศไทย ที่คนไทยจะต้องเล่นด้วยหัวใจ มีความรับผิดชอบกับทุกโน้ต ทุกเสียงที่บรรเลงออกไป ทุกเสียง ทุกโน้ต ต้องมีชีวิต ถ่ายทอดด้วยอารมณ์ ไม่ว่าผู้ฟังจะเป็นใครเราต้องทำให้คนฟังมีความสุขที่สุด ลูกหลานคนไทยเองก็ตาม เมื่อมีใจรักในการเล่นดนตรีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นดนตรีไทยหรือดนตรีสากล บทเพลงพระราชนิพนธ์ของพระองค์ท่านจะช่วยฝึกฝีมือและทักษะด้านดนตรีให้กับลูกหลานได้เป็นอย่างดีที่สุด