อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า พี่น้องประชาชน สามารถขอรับบริการด้านสุขภาพได้ฟรี ณ หน่วยปฐมพยาบาลทางกายและใจ อาทิ บริเวณข้างกระทรวงกลาโหม สนามหลวงตรงข้ามศาลหลักเมือง บริเวณประตูวิเศษชัยศรี รร.รัตนโกสินทร์ และบริเวณท่าช้าง เป็นต้น สำหรับพี่น้องประขาชนต่างจังหวัด ขอรับบริการดูแลและเสริมพลังใจได้จากทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต หรือ MCATT ที่มีกระจายอยู่ทุกอำเภอทั่วประเทศ ที่จะช่วยให้คำแนะนำปรึกษา ดูแล ช่วยเหลือเสริมพลังใจ โดยประสานการทำงานร่วมกับโรงพยาบาลในพื้นที่อย่างใกล้ชิด อีกทั้ง ยังมีทีม อสม.ที่ถือว่ามีความใกล้ชิดกับทุกครัวเรือน จะเป็นอีกกำลังสำคัญที่จะช่วยสอดส่องดูแลกลุ่มเสี่ยง ให้คำแนะนำและให้การช่วยเหลือด้านจิตใจในเบื้องต้นได้ นอกจากนี้ สำหรับกลุ่มประชาชนที่อาจไม่ได้ออกมาร่วมทำกิจกรรมข้างนอกบ้าน นั่งดูทีวีอยู่ที่บ้านแล้วอาจ เครียด วิตกกังวล เศร้า หดหู่ กินไม่ได้นอนไม่หลับ กรมสุขภาพจิตได้เตรียมความพร้อมทีมสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ให้คำปรึกษา ตลอด 24 ชั่วโมง เช่นกัน ทั้งนี้ ก็เพื่อเปิดช่องทางที่หลากหลายให้ประชาชนได้เข้าถึงบริการอย่างทั่วถึง ป้องกันความเสี่ยงเกิดปัญหาสุขภาพจิตในระยะยาว ให้สามารถก้าวผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ด้วยจิตใจที่เข้มแข็งต่อไป
อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลานี้ขอให้ดูแลกันและกัน ด้วยการใช้หลัก "3ส. : สอดส่องมองหา ใส่ใจรับฟัง ส่งต่อ เชื่อมโยง"คือ ช่วยกัน สอดส่องมองหา กลุ่มเสี่ยง เช่น พูดน้อยลง กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้เหมือนเดิม เมื่อพบขอให้ ใส่ใจรับฟัง พูดคุย สัมผัส จับมือ โอบกอด เพื่อให้ผ่อนคลาย แต่หาก ความโศกเศร้านั้นเป็นอยู่นาน ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ส่งผลต่อการทำงาน หรือส่งผลต่อสัมพันธภาพกับผู้อื่น ขอให้รีบส่งต่อเชื่อมโยงพาพบแพทย์ เพื่อให้การช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าว