สถาบันสิ่งทอฯ เปิดโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อตอบสนองความต้องการในตลาดอาเซียน

ศุกร์ ๒๘ ตุลาคม ๒๐๑๖ ๐๙:๕๘
สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ เปิดโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เร่งผลักดันกลุ่มผู้ประกอบการ/วิสาหกิจ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) พัฒนาองค์ความรู้ด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ การยกระดับเทคโนโลยี การสร้างนวัตกรรม คุณภาพสินค้าและการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ ผ่านการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลการตลาดเพื่อให้ผู้ประกอบการสิ่งทอและ เครื่องแต่งกายมุสลิมได้พัฒนาและผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค รวมทั้งการขยายช่องทางและโอกาสทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการและวิสาหกิจชุมชน ด้วยการพัฒนาเครือข่ายและการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศในสาขาอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มโดยการเจรจาจับคู่ธุรกิจของไทย กับประเทศสมาชิกอาเซียน+3

วันนี้ (27 ตุลาคม 2559) นายประสงค์ นิลบรรจง ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาการผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ เป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อตอบสนองความต้องการในตลาดอาเซียน - Muslim Market Focus (Product Development Workshop Project 2017) โดยมี นางสาวนงเยาว์ ศรีฉันทะมิตร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศภาคใต้ตอนล่าง (หาดใหญ่), นายวิวัฒน์ หิรัญพฤกษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ, กลุ่มผู้ประกอบการ/วิสาหกิจ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และสื่อมวลชนเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก ณ ห้องเกษมสันต์ โรงแรมโกลเด้นท์ คราวน์ หาดใหญ่

นายประสงค์ นิลบรรจง ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาการผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ เปิดเผยว่า กิจกรรมเปิดโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อตอบสนองความต้องการในตลาดอาเซียน จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ Muslim Market Focus (Product Development Workshop Project 2017) โดยโครงการในปีงบประมาณ 2560 นี้ สถาบันฯ มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิมที่มีเอกลักษณ์ ที่สามารถสนองตอบต่อความต้องการของตลาดที่มีความต้องการเฉพาะ (Segmentation) และสร้างมูลค่าเพิ่มได้ โดยใช้องค์ความรู้ด้านการออกแบบและการตลาด โดยการดำเนินงานได้แบ่งออกเป็น 4 กิจกรรม คือ 1. กิจกรรมการศึกษาข้อมูลด้านการตลาดฯ ตลาดระดับกลาง: อินโดนีเซีย (สิ่งทอ,เครื่องแต่งกายมุสลิม) ตลาดระดับบน: ญี่ปุ่น (ผ้าบาติก,ผ้ามัดย้อม,เคหะสิ่งทอ) 2. กิจกรรมถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อเสริมสร้างศักยภาพ 3. กิจกรรมพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิม และ 4. กิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) และงานแสดงสินค้าต่างประเทศ โดยในปีที่ผ่านมา สถาบันฯ ได้เน้นเฉพาะตลาดอาเซียน อาทิฮ่องกง สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย แต่ปีนี้สถาบันฯเตรียมผลักดันให้ผู้ประกอบการขยายการผลิตเพื่อส่งออกไปสู่กลุ่มลูกค้าเฉพาะ นอกประเทศในระดับภูมิภาค อาเซียน +3 มากยิ่งขึ้น

จากการเก็บข้อมูลแบบสอบถามผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ 300 ชุด กว่า 50% ผู้ประกอบการต้องการขยายตลาดไปต่างประเทศควบคู่กับการขายในประเทศ โดย 70% ของผู้ประกอบการสนใจตลาดสิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิม ในประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย ส่วนอีก 15% สนใจตลาดบาติกและเคหะสิ่งทอในประเทศญี่ปุ่น ทำให้ในส่วนของกิจกรรมศึกษาข้อมูลด้านการตลาดในปีนี้ จำเป็นต้องมุ่งดำเนินการค้นคว้าความรู้โดยใช้ข้อมูลและการวิเคราะห์ตลาดเข้ามาช่วยเพื่อทำให้ผู้ประกอบการสิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิม พัฒนาและผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค และสามารถเข้าสู่ตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นเหตุผลที่ทางสถาบันฯ กำหนด 2 ประเทศนี้เป็นเป้าหมายหลักในการดำเนินการ

นอกจากนี้ทางสถาบันฯ ยังได้ศึกษาข้อมูลเชิงลึก ผ่านการค้นคว้าข้อมูลแบบทุติยภูมิ จากงานวิจัยต่างๆ รวมถึงการศึกษาข้อมูลด้านการตลาดสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม (Market Surveying) โดยการลงพื้นที่เพื่อสำรวจตลาดจริง การเก็บข้อมูลเชิงลึกผ่านการสัมภาษณ์หน่วยงานภาครัฐและเอกชน และการเก็บแบบสอบถามผู้ประกอบการและผู้บริโภค ทั้งในประเทศอินโดนีเซียและญี่ปุ่น เพื่อดำเนินการศึกษาในประเด็นดังนี้ 1) พฤติกรรมการบริโภคโดยทั่วไป 2) ตลาดการค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม 3) ผลการวิเคราะห์แบบสอบถามพฤติกรรมของผู้บริโภค 4) ช่องทางการเข้าถึงตลาด และการเตรียมพร้อมของผู้ประกอบการไทย และ 5) การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมในการแข่งขันของอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งข้อมูลที่ได้เหล่านี้ จะเป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับผู้ประกอบการที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ตรงตามความต้องการของตลาดและผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น

สำหรับแนวทางในการพัฒนาแบรนด์ของผู้ประกอบการที่ได้รับคัดเลือกร่วมออกงานแสดงสินค้า ทางสถาบันฯ ได้กำหนดจำนวนผู้ประกอบการที่จะได้รับคัดเลือก จำนวน 15 ราย โดยแต่ละรายจะมีได้รับการให้คำปรึกษาเชิงลึกรายกิจการ จำนวน 4 ครั้ง จากนักออกแบบชื่อดัง ในด้านการวิเคราะห์ศักยภาพผู้ประกอบการในด้านการตลาด และวิเคราะห์การพัฒนาสินค้าให้ตอบสนองกับตลาดเป้าหมาย และการให้คำปรึกษาด้านการพัฒนาสินค้าเป็นคอลเลคชั่น จนพัฒนาเป็นแบบร่างสเก็ตคอลเลคชั่น และได้เข้าร่วมงานแสดงสินค้า ณ ต่างประเทศ โดยการให้คำปรึกษาเชิงลึก จำนวน 4 ครั้งนั้น แบ่งเป็น ครั้งที่ 1 Market Focus and Brand, ครั้งที่ 2 Key Look and Sketch Design, ครั้งที่ 3 Prototype (3 Products) และครั้งที่ 4 Final Prototype ส่วนแนวทางการต่อยอดแบรนด์ Lawa@THTI ในปีนี้ สถาบันฯ ได้สนับสนุนให้ผู้ประกอบการยกระดับขึ้นเป็นผู้รับผิดชอบดูแลแบรนด์ และกระบวนการผลิต แต่สถาบันฯ ยังคงดูแล และเป็นพี่เลี้ยงอย่างใกล้ชิด เนื่องจากแบรนด์ Lawa@THTI เริ่มเป็นที่รู้จัก มีการสั่งซื้อจากต่างประเทศเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และยังคงผลักดันให้ผู้ประกอบการนำผลิตภัณฑ์ออกงานแสดงสินค้าต่างประเทศเช่นเดิม โดยมีการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มาจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ในส่วนของผู้ประกอบการที่ไม่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมงานแสดงสินค้า ทางสถาบันยังคงมีกิจกรรมสนับสนุนในเรื่องของการถ่ายทอดองค์ความรู้ในเรื่องการออกแบบ การแปรรูปผลิตภัณฑ์ และการตลาด อีกทั้งสถาบันฯ ยังได้เพิ่มช่องทางการขายอื่นในประเทศ อาทิ จัดหาบูธขายสินค้าให้ในงานของกระทรวงอุตสาหกรรม ออกงาน Biff & Bil หรืองานโอท็อปที่จัดขึ้นในทุกภูมิภาคของประเทศอีกด้วย นายประสงค์ กล่าวทิ้งท้าย

ทั้งนี้ภายในกิจกรรม ยังจัดให้มีการนำเสนอแนวทางการดำเนินโครงการฯ พร้อมทั้งชี้แจงแนวทางการให้คำปรึกษาข้อมูลเชิงลึก Muslim Market Focus โดย นายวิวัฒน์ หิรัญพฤกษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ และการบรรยายพิเศษ เรื่อง "บทบาทหน้าที่ ของการส่งเสริมการค้าฯ และการส่งเสริมผู้ประกอบการ" และหัวข้อ "ตลาดอาเซียน โอกาสทางการค้าของไทย : พฤติกรรมของผู้บริโภคตในตลาดญี่ปุ่น / โอกาสของผู้ประกอบการไทย : การแต่งกายของผู้สูงอายุในญี่ปุ่น และ Trend" โดย นางสาวนงเยาว์ ศรีฉันทะมิตร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศภาคใต้ตอนล่าง (หาดใหญ่)

สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ สามารถติดต่อได้ที่ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ โทรศัพท์ 02 713 5492 - 9 ต่อ 888

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version