โครงการที่ผ่านการคัดเลือกทั้ง 7 โครงการ ได้แก่ บริษัท พีจี แอนด์ ซี 5714 จำกัด ปริมาณเสนอขาย 2.5 เมกะวัตต์ กำลังการผลิตติดตั้ง 3 เมกะวัตต์ , บริษัท ชลบุรี คลีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ปริมาณเสนอขาย 6.9 เมกะวัตต์ กำลังการผลิตติดตั้ง8.630 เมกะวัตต์ , บริษัท ศแบงยั่งยืน พิจิตร จำกัด ปริมาณเสนอขาย 1.88 เมกะวัตต์ กำลังการผลิตติดตั้ง 2 เมกะวัตต์ , บริษัท โปรเกรส อินเตอร์เคม (ประเทศไทย) จำกัด ปริมาณเสนอขาย 4 เมกะวัตต์ กำลังการผลิตติดตั้ง 4.8 เมกะวัตต์ , บริษัท เอวา แกรนด์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ปริมาณเสนอขาย 3 เมกะวัตต์ กำลังการผลิตติดตั้ง 6 เมกะวัตต์ , บริษัท รีคัฟเวอรี่ เฮ้าส์ จำกัด ปริมาณเสนอขาย5.5 เมกะวัตต์ กำลังการผลิตติดตั้ง 9.4 เมกะวัตต์ และบริษัท อนุรักษ์พลังงานซิเมนต์ไทย จำกัด ปริมาณเสนอขาย 7 เมกะวัตต์ กำลังการผลิตติดตั้ง 8 เมกะวัตต์ ซึ่งมีปริมาณเสนอขายรวมทั้งสิ้นจำนวน 30.78 เมกะวัตต์ และปริมาณกำลังการผลิตติดตั้งรวมทั้งสิ้นจำนวน41.83 เมกะวัตต์ ทั้งนี้ โฆษก กกพ. ได้ย้ำว่า ภายหลังจากการประกาศผลการคัดเลือกแล้ว ห้ามไม่ให้ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเปลี่ยนแปลงจุดรับซื้อไฟฟ้าหรือจุดเชื่อมโยงไฟฟ้า (Feeder) ประเภทเชื้อเพลิง(ขยะอุตสาหกรรม) และขนาดกำลังการผลิตติดตั้งไม่เกินกว่าที่ประกาศ รวมถึงห้ามใช้ขยะชุมชนและถ่านหินในโครงการ ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจะต้องดำเนินการเตรียมเอกสารต่างๆ ในการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อาทิ ต้องได้รับความเห็นชอบรายงานประเมผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากหน่วยงานที่เกี่ยวของตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประมวลหลักการปฏิบัติ (Code of Practice : CoP) และโครงการต้องผ่านการทำประชาคม โดยรับฟังความคิดเห็นของประชาชนตามระเบียบ กกพ. ว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นและทำความเข้าใจกับประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียในการพิจารณาออกใบอนุญาตประกอบกิจการผลิตไฟฟ้า พ.ศ. 2559 โดยจะต้องดำเนินการลงนามภายใน 120 วัน หรือภายในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2560 โดย กกพ. ขอให้ผู้ที่ได้รับคัดเลือกเร่งดำเนินการตามกรอบเวลา เพื่อไม่ให้กระทบกับวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์(COD) ภายในเดือนธันวาคม 2562
สำหรับรายชื่อโครงการที่ผ่านการคัดเลือกสามารถดูข้อมูลรายละเอียดได้ทางเว็บไซต์สำนักงาน กกพ. www.erc.or.th หรือสามารถสอบถามได้ที่ Call Center โทร. 1204