บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ อิงค์ (แอลจี) เผยยอดขายประจำไตรมาสที่ 3 ของปี2559 อยู่ที่ 11.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ (หรือราว 4.25 แสนล้านบาท) และรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 252.7 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือราว 9.1 พันล้านบาท) โดยได้สะท้อนผลประกอบการที่แข็งแกร่งจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องปรับอากาศ รวมถึงผลกำไรที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มผลิตภัณฑ์โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ซึ่งช่วยชดเชยยอดขายที่ลดลงและผลประกอบการที่ขาดทุนจากกลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ
รายได้ของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องปรับอากาศ ประจำไตรมาสที่ 3 เพิ่มขึ้น 3เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบปีต่อปี โดยมีผลประกอบการจากตลาดยุโรปและเอเชียที่แข็งแกร่งที่สุด รายได้จากการดำเนินงานมูลค่า 305.9 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือราว 1.10 หมื่นล้านบาท)เป็นผลให้กลุ่มธุรกิจนี้มีอัตรากำไรจากการดำเนินงาน 8 เปอร์เซ็นต์ โดยเพิ่มขึ้น 40 เปอร์เซ็นต์จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ผลประกอบการที่ดีเยี่ยมของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศและเครื่องใช้ไฟฟ้าระดับพรีเมี่ยมช่วยให้เกิดผลกำไรแม้ว่าจะต้องเผชิญกับสภาวะค่าเงินผันผวนในประเทศแถบตะวันออกกลางและลาตินอเมริกา
กลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ มีรายได้ประจำไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ 2.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ (หรือราว 8.28 หมื่นล้านบาท) คิดเป็น 23 เปอร์เซ็นต์ต่ำกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ด้วยยอดขายที่ลดลงของอุปกรณ์ดีไวซ์ระดับพรีเมี่ยมผนวกกับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงโครงสร้างธุรกิจส่งผลให้เกิดผลการดำเนินงานขาดทุนที่ 389.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือราว 1.40 หมื่นล้านบาท) แอลจีได้ส่งออกสมาร์ทโฟนจำนวน 13.5 ล้านเครื่องในไตรมาสที่ 3 นี้ โดยทวีปอเมริกาเหนือได้รายงานยอดขายที่เพิ่มขึ้น 14 เปอร์เซ็นต์จากไตรมาสที่ 2 สำหรับไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะเน้นการเพิ่มยอดขายของสมาร์ทโฟน LG V20 ใหม่ และสมาร์ทโฟนกลุ่มผลิตภัณฑ์ในราคาที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้อย่างK และ X Series รวมถึงการปรับปรุงโครงสร้างธุรกิจขั้นตอนสุดท้ายในแผนกโทรศัพท์มือถือให้มีการเตรียมพร้อมที่ดีขึ้นเพื่อรับมือกับความท้าทายในอนาคต
กลุ่มผลิตภัณฑ์โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ รายงานผลกำไรจากการดำเนินงานและอัตรากำไรที่สูงสุดในประวัติการณ์ด้วยยอด 340.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.23 หมื่นล้านบาท) และอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่ 9.2เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ยอดขายของทีวีระดับพรีเมี่ยมอย่าง LG OLED TV และ Ultra HD TV ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดหลักๆ ทั่วโลก และเนื่องจากการแข่งขันที่เข้มข้นและแรงกดดันด้านราคาจึงทำให้ยอดขายลดลง 3.4 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้ว โดยมีรายได้ที่ 3.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ (หรือราว 1.33 แสนล้านบาท) ซึ่งเป็นยอดที่แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงจากปีที่แล้ว นอกจากนี้ช่วงเทศกาลที่กำลังจะมาถึง คาดว่าความต้องการของกลุ่มผลิตภัณฑ์ทีวีจะเพิ่มสูงขึ้น แม้ว่าผลกำไรอาจได้รับผลกระทบจากราคาวัสดุที่เพิ่มสูงขึ้นและการเพิ่มขึ้นของการลงทุนทางการตลาด
กลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์มียอดขายที่เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งที่ 602.2 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือราว 2.17 หมื่นล้าน) โดยเพิ่มขึ้น 41 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบปีต่อปีและเพิ่มขึ้น6 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทรายงานผลการดำเนินงานขาดทุนเล็กน้อยที่ 14.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือราว 5.22 ร้อยล้านบาท) จากการลงทุนด้านการวิจัยและการพัฒนาที่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต นอกจากนี้โครงการรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นำโดยรถยนต์ GM Boltจึงคาดว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลเกี่ยวกับอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในไตรมาสที่ 3ของปี 2559
รายได้ที่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบด้านบัญชีประจำไตรมาสของแอลจี อีเลคทรอนิคส์เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของIFRS (International Financial Reporting Standards) สำหรับช่วงสามเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 ทั้งนี้ อัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐจะเท่ากับอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยของสามเดือนในไตรมาสเดียวกัน โดยอัตราแลกเปลี่ยน ณ ไตรมาสที่ 3 ปี 2559 อยู่ที่ 36 บาทต่อ 1 เหรียญสหรัฐ (ตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของธนาคารแห่งประเทศไทย)