นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ เปิดเผยว่า จากการได้เข้าร่วมประชุมร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในการดำเนินงานด้านเอดส์ ในปีงบประมาณ 2560 ได้มีข้อเสนอให้มีการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อประสานและดำเนินงานในส่วนการส่งเสริมและป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีและเอดส์ ในส่วนของการสนับสนุนภาคีเครือข่ายและเอ็นจีโอให้เข้ามาดำเนินงาน โดยเป็นงบประมาณที่ สปสช.ได้จัดตั้งขึ้นในปีงบประมาณ 2559 ซึ่งปีงบประมาณ 2560 จะต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ภายหลังจากที่กองทุนโลกเพื่อการสนับสนุนด้านสาธารณสุขสำหรับโรคเอดส์ (Global Fund) ยุติการสนับสนุนส่วนนี้ให้กับประเทศไทย โดยมองว่าประเทศไทยมีศักยภาพเพียงพอที่จะดำเนินการเองได้
ทั้งนี้การดำเนินการในปี 2559 เนื่องด้วยเกิดปัญหาจากการตรวจสอบ สปสช.โดย คตร.ที่ระบุว่าการสนับสนุนการดำเนินงานหน่วยงานที่ไม่ใช่หน่วยบริการ เป็นการใช้งบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่ผิดหลักเกณฑ์ส่งผลทำให้งบในส่วนนี้ไม่สามารถโอนให้กับเอ็นจีโอเพื่อดำเนินการได้ ที่ผ่านมาจึงได้มอบงานส่งเสริมและป้องกันให้กับหน่วยบริการเพื่อดำเนินการแทน แต่เนื่องจากหน่วยบริการมีภาระด้านการรักษาพยาบาลที่ล้นมืออยู่แล้วจึงไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้มากนัก อีกทั้งยังติดขัดในเรื่องของหลักเกณฑ์และระเบียบการใช้งบประมาณ เนื่องจากไม่แน่ใจว่าอะไรทำได้หรือไม่ได้ ส่งผลให้งบประมาณในด้านนี้ไม่ได้ถูกนำไปใช้อย่างที่ควรจะเป็น มีงบที่ยังค้างท่ออยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้งานด้านการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีและการติดเชื้อเอดส์ที่ผ่านมา จึงไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เท่าที่ควร
"งบการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีในปี 2559 นี้ เท่าที่ดูคงทำผลงานได้เพียงแค่ไตรมาสที่ 1 และ 2 เท่านั้น ส่วนในไตรมาสที่ 3 และ 4 คงไม่บรรลุภารกิจอย่างที่ตั้งไว้ เนื่องจากมีอุปสรรคจากผลการตรวจสอบของ คตร. ส่งผลให้เครือข่ายที่ทำงานด้านเอดส์ไม่มีงบประมาณที่จะลงไปทำงานด้านการป้องกันได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่หน่วยบริการเองก็มีภารกิจหลักเน้นงานด้านการรักษาพยาบาล"
นายนิมิตร์ กล่าวว่า สำหรับในปีงบประมาณ 2560 นี้ สปสช.ได้จัดสรรงบเพื่อดำเนินงานป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ จำนวน 200 ล้านบาท ซึ่งภายหลังจากที่ได้มีการออกประกาศหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การรับเงิน การจ่ายเงิน การรักษาเงิน และรายการของค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องและจำเป็นต่อการสนับสนุนและส่งเสริมการจัดบริการสาธารณสุขและค่าใช้จ่ายอื่น ซึ่งลงนามโดย รมว.สาธารณสุข ซึ่งเป็นการปลดล็อกผลสอบ คตร.ตามมาตรา 44 จะทำให้องค์กรเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร และเอ็นจีโอสามารถเข้ามาดำเนินโครงการของ สปสช.ได้ รวมถึงงานด้านป้องกันผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์
และเพื่อให้การดำเนินงานในปีงบประมาณ 2560 เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ จึงได้มีการจัดตั้งคณะทำงานขึ้น นอกจากทำหน้าที่ประสานกับเครือข่ายต่างๆ ที่ทำงานด้านเอดส์แล้ว ยังเป็นทีมงานที่จะช่วยกันคิดและวางแผนเพื่อให้เกิดการใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยการทำงานจะยึดตามแผนยุทธศาสตร์เอดส์ระดับชาติ
"การป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีและเอดส์ หลักการสำคัญคือต้องทำให้คนที่มีความเสี่ยงสามารถประเมินความเสี่ยงของตนเองได้ นอกจากจะไปสู่การป้องกันแล้ว ยังต้องทำให้คนเหล่านี้เข้าถึงการบริการตรวจหาการติดเชื้อเพื่อให้รู้ผลโดยเร็วที่สุด ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้เข้าสู่ระบบการรักษาโดยเร็ว ยังลดโอกาสการแพร่กระจายเชื้อไปสู่คนอื่น โดยเราต้องเร่งค้นหาคนเหล่านี้ ซึ่งเป็นงานที่ สปสช.ต้องให้ความสำคัญควบคู่กันไป เพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่ม รวมถึงค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ต้องดูแลผู้ป่วยที่ได้รับการติดเชื้อเอชไอวีไปตลอดชีวิต" ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าว