นางสาวอริสรา ธนาปกิจ ผู้อำนวยการโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษเอ็นคอนเส็ปท์เปิดเผยว่า "ระบบการรับบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษารูปแบบใหม่ หรือ เอ็นทรานซ์ 4.0 นั้น ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อ ให้ข้อสรุปที่เป็นรูปธรรมและชัดเจน เพื่อให้นักเรียนเตรียมรับมือได้อย่างถูกต้อง แต่ระหว่างนี้สิ่งสำคัญที่อยากให้ทั้งนักเรียนและผู้ปกครองหันมาให้ความสนใจการเตรียมพร้อมและความรู้มากกว่าการปรับเปลี่ยนของระบบ โดยงาน Key to Success จึงจัดขึ้น เพื่อจุดประกายความคิด เตรียมความพร้อมก่อนสอบ และถ่ายทอดประสบการณ์การเรียนและการทำงานให้กับน้องๆ ชั้นมัธยม ซึ่งในครั้งนี้ เราได้เตรียมกูรูด้านต่างๆ มาให้ความรู้ ไม่ว่าจะเป็นครูพี่กิ๊บ วลีรัตน์ หาญเมธีคุณา และพี่อิง ดาริน สุทธพงษ์ ศิษย์เก่าของเอ็นคอนเส็ปท์ ที่เป็นหนึ่งในทีมงานด้าน User Experience Designer ให้กับ บริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่อย่าง อเมซอน และเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัพในปัจจุบัน พร้อมกับน้องวัยเรียน ไม่ว่าจะเป็น น้องอ๋อง เชษฐพันธ์ ใจเปี่ยม ที่ 1 สายภาษา-คณิตของเตรียมอุดม, น้องเต้ วงศธร สุขเอี่ยม เด็กวิทย์ตัวจริง คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี1, น้องมุก เชฏฐินี คงคาสุริยฉาย เน็ตไอดอลทั้งสวยและเก่งได้ทั้งเรียนและกิจกรรม คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี 1 และขวัญใจวัยเรียนอย่าง น้องโอบ โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์ นักแสดงจาก I Hate you, I Love you มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในครั้งนี้ เด็กวิทย์ตัวจริง อิง(ลิช) ต้องไม่เท
นายวงศธร สุขเอี่ยม หรือน้องเต้ เด็กวิทย์ตัวจริง ดีกรีเฟรชชี่ จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผย 3 เทคนิคพิชิตเป้าหมายสอบเข้ามหาวิทยาลัย คือ มีเป้าหมายที่ชัดเจน วางแผนและหาข้อมูลเพิ่มเติม จากรุ่นพี่ที่สำเร็จ และที่สำคัญคือมองเห็นความสำคัญของทุกคะแนนจากทุกวิชา ไม่ใช่เตรียมเพียงวิชาที่จะใช้เท่านั้น เพราะ 1 คะแนนก็อาจมีผลต่อลำดับการเลือกได้เลย โดยเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษที่จำเป็นต้องใช้ทั้งในการสอบและการเรียนในมหาวิทยาลัย และหากเป็นไปได้ให้เตรียมพร้อมก่อนสอบโดยการถ่ายทอด แบ่งปันความรู้ให้เพื่อนๆ ฟัง เพื่อทบทวนความเข้าใจอีกครั้งหนึ่ง
อีกหนึ่งปากคำ...เรื่องเรียน & กิจกรรมไปด้วยกันได้
นางสาวเชฏฐินี คงคาสุริยฉาย หรือ น้องมุก เน็ตไอดอลตัวจริงทั้งสวยและเก่ง ที่คว้าโอกาสทำกิจกรรม หลากหลายไม่ว่าจะเป็น คทากรของโรงเรียน กีฬาสี และทำงานในวงการบันเทิง แต่ยังไม่ทิ้งการเรียน จนสอบเข้าคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้สำเร็จ น้องมุกบอกเคล็ดลับ เรียนดีกิจกรรมเก่ง โดยการจินตนาการถึงความล้มเหลว เช่น ถ้าคะแนนสอบออกมาไม่ดีจะเสียใจไหม ถ้าไม่ตั้งใจฝึกซ้อมกิจกรรม จะออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งจะทำให้เรามีกำลังใจ และแรงผลักดันเพิ่มมากขึ้น
ปิดจุดอ่อนก่อนลงสนามจริง
น้องอ๋อง เชษฐพันธ์ ใจเปี่ยม เผยถึงเคล็ดลับเรียนเก่งขั้นเทพ จนคว้าคะแนนลำดับ 1 จากการสอบเข้าสายภาษา-คณิตของเตรียมอุดมศึกษาว่า หัวใจสำคัญคือการปิดจุดอ่อนของตัวเอง ทั้งก่อนเรียนและ ก่อนสอบ โดยก่อนเรียนจะใช้เทคนิค Skimming (การอ่านใจความสำคัญบางจุด) และ Scanning (การอ่านเร็ว) เพื่อทำความเข้าใจเนื้อหาโดยรวม และตรวจสอบว่าความยากของการเรียนเรื่องนั้นๆ สำหรับเราคืออะไร เวลาเข้าเรียนก็จะซักถามเรื่องนั้นให้เข้าใจ ส่วนก่อนสอบจะใช้วิธีทำโจทย์และอ่านย้ำในเรื่องที่ยังไม่เข้าใจ เพื่อแก้ไขและปิดจุดอ่อนต่างๆ
โอบ นิธิ เปลี่ยนความผิดหวัง...เป็นพลังยิ่งใหญ่
นอกจาก โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์ จะมีผลงานการแสดงและเป็นขวัญใจวัยรุ่นที่น่าจับตาแล้ว อีกบทบาทที่ น้องโอบ ทำได้ดีไม่แพ้กันคือการเรียน เพราะหลังจากผิดหวังจากการสอบเข้าโรงเรียนเตรียมอุดม ก็เลยบอกแม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ น้องโอบก็หันกลับมาใส่ความพยายามในการเรียนมากขึ้น จนสามารถสอบเข้า คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ในที่สุด นอกจากนี้ โอบยังฝากถึงน้องๆ ที่กำลังเตรียมตัวสอบ คือ ให้ตั้งใจเตรียมความพร้อมและทำทุกอย่างให้ดีที่สุด
ครูพี่แนน อริสรา ธนาปกิจ ยังให้เคล็ดลับฝึกสมองเตรียมความพร้อมเพิ่มเติมดังนี้
1.สร้าง Memory Palace : เทคนิคการสร้างความจำแบบ Memory Palace เป็นเทคนิคการใช้วิธีการจำที่สอดคล้องกับรูปแบบที่สมองออกแบบมากที่สุด เทคนิคนี้ถือกำเนิดมาตั้งแต่สมัย Greek โดย Simonides วิธีการนี้มีชื่อดั้งเดิมว่า "memoria loci" (อ่านว่า โล-ซาย) ซึ่ง Loci เป็นภาษาลาตินแปลว่า "สถานที่" (place or location) และมีการใช้ต่อกันมาเรื่อยๆ ในยุโรปจนถึงยุค Renaissance โดย Memory Palace หรือ Method of Loci นี้ ใช้หลักการง่ายๆ ที่ว่า มนุษย์จะสามารถจดจำสถานที่ได้ดีที่สุด ดังนั้นถ้าเราจะเชื่อมโยงสิ่งที่เราอยากจะจดจำเข้ากับสถานที่ต่างๆ ที่เราคุ้นเคย เราก็จะสามารถจดจำสิ่งเหล่านั้นได้ง่ายกว่าเดิมมาก เช่น เราอาจสร้างสถานที่ของเราโดยใช้ห้องในบ้าน โดยเรียงลำดับจากชั้นล่าง ไปชั้นบน เพื่อเชื่อมโยงกับคำศัพท์หรือเรื่องที่ต้องการจะจดจำ วิธีการนี้ เป็นวิธีการที่ World Memory Champion 8 สมัย อย่าง Dominic O'Brien ใช้ในการจำหน้าไพ่ 54 สำรับ โดยการดูเพียงครั้งเดียว
2.เรียนภาษาใหม่ๆ : มีผลการวิจัยระบุว่ายิ่งเรียนรู้ได้หลายภาษาเท่าไหร่ ยิ่งกระตุ้นสมองและกระบวนการคิดให้ทำงานได้ดีขึ้นด้วย การเรียนภาษาที่สองหรือภาษาที่ 3, 4, 5 เพิ่มเติมนั้นจะช่วยป้องกันไม่ให้สมองของเรามีปัญหาเรื่องความจำเมื่ออายุมากขึ้น ผลงานวิจัยจากทีมวิจัยในแคนาดา ที่ได้รับการตีพิมพ์ไว้ใน Neurology Journal ระบุว่าความสามารถในการพูดได้สองภาษา จะช่วยทำให้กระบวนการก่อตัวของอาการโรคอัลไซเมอร์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นั้นช้าลงไปได้มากถึงห้าปี นอกจากนี้ก็ยังสามารถกระตุ้นสมองของตัวเองบ่อยๆ ได้ด้วยการเล่นเกม ไขปริศนา ตัวอย่างเช่นการเล่นหมากรุก ไพ่บริดจ์ ครอสเวิร์ดส์ หรือซูโดคุ เป็นต้น
3.หาจุดกลมกล่อม (Sweet Spot) : โดยทั่วไปแล้วกระบวนการเรียนรู้จะแบ่งเป็นช่วงต่างๆ ได้ 3 ช่วง คือ จุดสบายใจ (Comfort Zone) คือ ความรู้สึกสบายๆ ไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก จุดคับขัน (Survival Zone) คือ สิ่งที่ยากมากๆ อยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ สับสนและสิ้นหวัง ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ได้แต่พยายามไปแบบสุ่มๆ แม้จะมีถูกบ้าง แต่เป็นเพราะโชคช่วยมากกว่าการพัฒนาศักยภาพที่แท้จริง และสุดท้ายคือจุดกลมกล่อม (Sweet Spot) ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะกับการพัฒนาศักยภาพของตัวเองมากที่สุด เพราะเป็นจุดที่ออกจากความสบายใจ มีความท้าทาย แต่ไม่อันตรายและขาดการควบคุมเท่ากับจุดคับขัน การเรียนรู้หรือการฝึกฝนในจุดนี้ จึงทำให้เราเรียนรู้ได้มากที่สุด และไปได้ไกลที่สุด โดยวิธีการฝึกฝนรูปแบบนี้ให้ลองปรับรูปแบบการอ่านหนังสือ เช่น อ่านจบแล้วให้ลองทบทวนโดยการปิดหนังสือเพื่อทบทวนความรู้และกระตุ้นให้สมองทำงานอย่างเต็มที่
4.การทำซ้ำ (Mastery) : บรูซ ลี นักแสดงและผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้ เคยกล่าวไว้ว่า "ผมไม่กลัวคนที่เตะได้หมื่นกระบวนท่าหรอก แต่ผมกลัวคนที่ฝึกเตะกระบวนท่าเดียวมาแล้วหมื่นครั้งมากกว่า" แม้หลายคนอาจมองว่าการทำซ้ำ เป็นเรื่องน่าเบื่อและจำเจ แต่ความจริงแล้วการทำซ้ำ การฝึกซ้ำเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดสำหรับการพัฒนาทักษะ เพราะกระบวนการฝึกฝนและทำซ้ำนี้ จะเข้าไปกระตุ้นกลไกลตามธรรมชาติที่ทำให้สายส่งข้อมูลในสมองของเราทำงานได้อย่างรวดเร็วและถูกต้องแม่นยำ เพราะในสมองเราจะมีเยื่อหุ้มประสาทที่ชื่อว่า "ไมอีลิน" ซึ่งจะเติบโตตามสัญญาณประสาทที่ได้รับจากการฝึกฝน ทำซ้ำ ยิ่งทำมากขึ้น เยื่อไมอีลินจะหนาขึ้น ส่งผลให้ทักษะเหล่านั้นมีความแม่นยำมากขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมนุษย์สามารถสร้างไมอีลินได้ตลอดชีวิตโดยจะเพิ่มจำนวนได้มากและรวดเร็วเป็นพิเศษในช่วงที่เรากำลังเติบโต
5.ปลุกความจำด้วยกำปั้น : ผลวิจัยล่าสุดของนักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยมอนต์แคลร์สเตท รัฐนิวเจอร์ซี สหรัฐอเมริกา เปิดเผยเมื่อเร็วๆ นี้ ระบุว่าการกำมือแน่นๆ ช่วยให้ความจำดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ความสามารถในการระลึกความทรงจำเก่าๆ กลับคืนมาได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย การทดลองนี้นักจิตวิทยาทดลองกับอาสาสมัครผู้ใหญ่จำนวน 50 คน ให้จดจำคำศัพท์จากลิสต์คำศัพท์จำนวนมากขณะที่ทดลองกำมือไปด้วย พบว่าการกำมือขวาเป็นเวลา 90 วินาทีจะช่วยให้การจดจำสิ่งใหม่ๆ ทำได้ดีขึ้น ในขณะที่การกำมือซ้ายด้วยเวลาเท่าๆ กันจะช่วยให้การเรียกคืนความทรงจำเก่าๆ ทำได้ดีขึ้น ผลการวิจัยชี้ว่าการเคลื่อนไหวร่างกายธรรมดาๆ เช่นการกำมือขวาก่อนเรียนรู้ข้อมูลต่างๆ และการกำมือซ้ายก่อนจะเรียกคืนความทรงจำนั้นสามารถปรับปรุงระบบความทรงจำได้ โดยปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็นการเปลี่ยนการทำงานของสมองชั่วคราว
ครูพี่แนน กล่าวทิ้งท้ายว่า " เอ็นคอนเส็ปท์ จะจัดงาน Think Beyound 4.0 ขึ้น ในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2559 นี้ ณ? โรงภาพยนต์ ไอแมกซ์ พารากอน ซีนีเพล็กซ์ ศูนย์การค้า สยามพารากอน ชั้น 5 เพื่อให้ความรู้นักเรียนและผู้ปกครอง เตรียมความพร้อมสำหรับระบบการศึกษาและเอ็นทรานซ์ในยุค 4.0 โดยได้รับเกียรติจาก นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ,รศ.ดร.อนุชาติ พวงสำลี คณบดี คณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมด้วย ดร.วิริยะ ฤาชัยพาณิชย์, ครูพี่แนน อริสรา ธนาปกิจ, ครูพี่กิ๊บ วลีรัตน์ หาญเมธีคุณา และ ดาริน สุทธพงษ์ ผู้สนใจเข้าร่วมงาน สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม และยืนยันการเข้าร่วมงานได้ที่โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษเอ็นคอนเส็ปท์ทุกสาขา หรือ โทร 02- 736-3636"