นายธนสิทธิ์ เธียรกาญจนวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิ๊กคาเมร่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (BIG) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินของบริษัทฯในงวด 9 เดือนแรกของปี 2559 มีรายได้รวม 3,874 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 727 ล้านบาท หรือ 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 3,147 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 546 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 285 ล้านบาท หรือ 109% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 261 ล้านบาท
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/59 บริษัทฯมีรายได้รวม 1,190 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9 ล้านบาท เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 1,181 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 126 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9 ล้านบาท หรือ 8% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 117 ล้านบาท
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯมีมติจ่ายปันผลเป็นเงินสดสำหรับงวดผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก ในอัตรา 0.07 บาท/หุ้น กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 18 พฤศจิกายน 2559 วันปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผลตามมาตรา 225 ของพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2559 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 16 พฤศจิกายน 2559
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/59 คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/59 โดยได้รับปัจจัยหนุนจากไลน์อัพสินค้าใหม่ของทุกๆค่ายกล้องถ่ายภาพยักษ์ใหญ่ไม่ว่าจะเป็น Fuji, Olympus, Sony, Panasonic ได้ทยอยเปิดตัวสินค้า และจะพร้อมวางจำหน่ายในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ
นอกจากนี้ ในช่วงระหว่างวันที่ 30 พ.ย. – 4 ธ.ค. 2559 บริษัทฯจะมีการจัดกิจกรรมทางการตลาด (อีเวนต์) ภายในงานแสดงสินค้าและเทคโนโลยีถ่ายภาพระดับประเทศ ชื่องาน "โฟโต้ แฟร์ 2016" ซึ่งถือเป็นงานใหญ่ประจำปีของ BIG ซึ่งในแต่ละปีสามารถกระตุ้นยอดขายกล้องถ่ายภาพได้เป็นจำนวนมากอีกด้วย
กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (BIG) กล่าวอีกว่า แนวโน้มรายได้ในปีนี้คาดว่าจะเติบโต 10-15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรมีโอกาสทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากยอดขายกล้องถ่ายภาพที่ยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าในช่วงไตรมาส 3/59 ที่ผ่านมาเกิดปัญหาเรื่องซัพพลายบางประการจากโรงงานผู้ผลิตกล้องดิจิตอลหลายราย จึงทำให้สินค้าใหม่ที่ทยอยเปิดตัวไปแล้วเกิดความล่าช้าในการวางจำหน่ายทั่วโลก แต่ช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมากระบวนการผลิตสินค้ากลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทำให้สินค้ารุ่นใหม่พร้อมวางจำหน่ายและมีซัพพลายเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ ในส่วนของธุรกิจ Print คาดว่าจะมีส่วนสำคัญในการผลักดันรายได้ในอนาคต โดยในปีนี้เปิดสาขาไปแล้ว 1 แห่ง กระแสตอบรับดีมาก และเป็นธุรกิจที่มีมาร์จิ้นสูง บริษัทฯมีแผนเปิดเพิ่มเป็น 5 แห่งในปี 2560 เพื่อเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต