น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยว่าได้รับปัจจัยลบจากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ความกังวลต่อการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งสุดท้ายของปี 59 ในวันที่ 13 – 14 ธ.ค. หลังจากเศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวดีขึ้น อัตราเงินเฟ้อดีดตัวขึ้นเข้าใกล้เป้าหมายที่ 2% และการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติเป็น Net Sell 12 วันต่อเนื่องราว 1.38 หมื่นล้านบาท และตั้งแต่ต้นเดือนต.ค. เป็น Net Sell เกือบ 2.5 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยบวกจากผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (กนง.) ในการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับเดิมที่ 1.5% ตามคาด การเร่งเปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐในช่วงปลายปีนี้และต้นปีหน้า การอนุมัติ Action Plan ปี 60 ด้านคมนาคมขนส่งมูลค่า 6 แสนล้านล้านบาทในสัปดาห์หน้า และแรงซื้อเก็งกำไรดักผลประกอบการ Q3/59 ที่จะทยอยประกาศจนถึงต้นสัปดาห์หน้าซึ่งกำหนดวันสุดท้ายในวันที่ 14 พ.ย.
อีกทั้งยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ วันที่ 9 พ.ย. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คาดกนง.จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิม 1.5% วันที่ 15 พ.ย. MSCI ประกาศหุ้นเข้าคำนวณรอบใหม่ และในวันที่ 30 พ.ย. กำหนดประชุมกลุ่มโอเปกที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ได้ปัจจัยบวกจากปัจจัยภายในประเทศจากการเข้าซื้อหุ้นดักผลประกอบการไตรมาส 3/2559 ที่จะทยอยประกาศจนถึง 14 พ.ย.นี้อย่างไรก็ตาม ความกังวลต่อผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐและการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติที่เป็น Net Sell ต่อเนื่องตั้งแต่เดือนต.ค.ยังคงเป็นแรงกดดันดัชนี
ดังนั้นประเมินว่า SET จะผันผวนโดยมีกรอบเคลื่อนตัวระหว่าง 1,480 – 1,520 จุด ทั้งนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไรแบบ Selective Buy ในกลุ่มหุ้นที่คาดว่างบไตรมาส 3/2559 จะเติบโตขึ้น และแนะนำ CPALL, BEAUTY, GFPT, FSMART, TPCH, WICE, ACAP และ SYNTEC