นายศาศวัต ศิริสรรพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหกลอิควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SQ เปิดเผยว่า "ผลประกอบการในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 ตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน บริษัทฯ มีรายได้รวมจากการให้บริการทั้ง 3 โครงการรวม 1,999 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 68.8% และทำให้บริษัทมีกำไร 146.7 ล้านบาท จากขาดทุนในช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 22.7 ล้านบาทโดยแยกรายได้แต่ละโครงการได้ดังนี้ โครงการเหมืองแม่เมาะ โครงการที่ 7 บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการรวม 969.1 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรต่อหุ้น 0.20 บาท ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีรายได้จากการให้บริการรวม 1,047 ล้านบาท สาเหตุมาจากโครงการย่อย โครงการ 7/1 ได้สิ้นสุดลงเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ทำให้รายได้หลักมาจากโครงการ 7 ส่วนโครงการเหมืองแม่เมาะ โครงการที่ 8 บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการรวม 538 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้จากการขุดดิน 27% ของรายได้รวมจากการให้บริการ เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้นของโครงการ งานหลักจึงเป็นการขุดหน้าดินเพื่อเปิดหน้าเหมืองถ่านหิน สำหรับโครงการเหมืองหงสา ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการรวม 471 ล้านบาท สูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 124 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 96% ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2559 บริษัทฯ มีปริมาณงานคงเหลือในมือจากทั้ง 3 โครงการรวม 35,797 ล้านบาท"
นายศาศวัต กล่าวต่อว่า "ด้านผลประกอบการไตรมาส 3 ของปี 2559 ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-กันยายน บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการทั้ง 3 โครงการ รวม 645.2 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 2 ของปีนี้คิดเป็น 4.1% เนื่องจากปริมาณฝนที่มากผิดคาดทำให้การทำงานต้องหยุดชั่วคราวเพื่อความปลอดภัยของพนักงาน แต่หากเทียบกับไตรมาส 3 ของปี 2558 บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้น 88.2% ด้านกำไรสุทธิ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจากทั้ง 3 โครงการรวม 12.2 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรต่อหุ้น 0.02 บาท ลดลงจากไตรมาส 2 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 63.9 ล้านบาท คิดเป็น 81% สาเหตุมาจากปริมาณฝนที่ตกต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุม อีกทั้งบริษัทฯ มีต้นทุนจาการซ่อมบำรุงเครื่องจักรตามรอบระยะเวลา และค่าเสื่อมราคาของเครื่องจักรที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราต้นทุนสูงขึ้น อันเป็นผลให้กำไรลดลง แต่เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปี 2558 ถือว่าดีขึ้นเนื่องจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งบริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิ
ทั้งนี้ รายได้หลักของบริษัทฯ มาจากงาน 2 ส่วน คืองานขุดดินเพื่อเปิดหน้าเหมือง โดยทางผู้ว่าจ้างจะวัดจำนวนดินที่ทางบริษัทฯ ขุดได้ว่ามีจำนวนกี่ลูกบาศก์เมตรแน่น เพื่อนำมาคำนวณรายได้ ส่วนที่สองคืองานขนถ่านหินให้กับโรงไฟฟ้า ซึ่งวัดปริมาณถ่านเป็นจำนวนตัน เพื่อนำมาคำนวณรายได้"
นายศาศวัต กล่าวทิ้งท้ายว่า "เมื่อพิจารณาผลประกอบการของบริษัทฯ จะเห็นได้ว่าช่วงไตรมาส 3 ถือเป็นช่วงโลว์ซีซั่น เนื่องจากหากฝนตกเราต้องให้คนงานหยุดงานเพื่อความปลอดภัย และได้ถือโอกาสนี้ซ่อมบำรุงเครื่องจักร ทำให้ปริมาณงานลดลง ส่งผลให้รายได้ลดลงด้วย แต่มีค่าซ่อมบำรุงเครื่องจักรและค่าแรงที่เราต้องจ่าย ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น สำหรับในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้คาดว่าบริษัทฯ จะมีรายได้จากการให้บริการทั้ง 3 โครงการเพิ่มขึ้น อีกทั้งบริษัทฯ กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจางานโครงการใหม่ทั้งในและต่างประเทศอีกหลายโครงการ ซึ่งทั้งหมดเป็นงานที่ต้องใช้เครื่องจักรและบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเป็นหลัก อันเป็นจุดแข็งของบริษัทฯ ที่ทำให้เรามีโอกาสที่จะได้งาน รายละเอียดจะเปิดเผยให้ทราบเร็วๆ นี้."