กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยต่อไปว่า สำหรับประเทศไทย ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามูลค่าส่งออกของไทยหดตัวเฉลี่ย 2% ต่อปี สวนทางกับการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศของไทย (Thai Direct Investment Outflow : TDI Outflow) ที่ขยายตัวเฉลี่ย 5% ต่อปี โดยมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแซงหน้ามูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment Inflow : FDI Inflow) แสดงให้เห็นว่า การขยายการลงทุนในต่างประเทศเพื่อสร้างฐานการผลิตและตลาดการค้าแห่งใหม่ (Investment-induced Trade) กำลังเข้ามามีบทบาทขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และอาจช่วยให้ไทยก้าวข้ามการเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง (Middle Income Trap) ไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูงในอนาคตได้ แต่ผู้ประกอบการไทยและผู้ที่เกี่ยวข้องต้องปรับแนวทางและสภาพแวดล้อมในการสนับสนุนให้ธุรกิจที่มีศักยภาพของไทยสามารถขยายการลงทุนไปต่างประเทศ พร้อมกับเสริมขีดความสามารถให้แก่บริษัทไทยที่ไปลงทุนในต่างประเทศเพื่อให้สามารถเติบโตไปสู่บริษัทข้ามชาติตามแนวทางของประเทศพัฒนาแล้ว อาทิ เกาหลีใต้ ซึ่งเป็นตัวอย่างของประเทศที่ประสบความสำเร็จในการส่งเสริมให้ภาคเอกชน โดยเฉพาะธุรกิจไฮเทค ไปลงทุนในต่างประเทศ
นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า EXIM BANK กำลังขยายความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อช่วยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพสามารถขยายการลงทุนไปต่างประเทศ ซึ่งต้องมีความพร้อมด้านเงินทุนและขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งด้านอุตสาหกรรม การค้า และการลงทุนในระดับสากล โดยการเชื่อมโยงข้อมูลเชิงลึก อาทิ กฎระเบียบ ข้อมูลคู่ค้า ช่องทางการทำตลาด และเครือข่ายทางการค้าการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยประเทศในแถบเอเชียเป็นตลาดที่น่าลงทุน ด้วยความได้เปรียบด้านความใกล้ชิดทางสังคม วัฒนธรรม และการเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค
"ผลการศึกษาของ OECD ระบุว่าเม็ดเงินลงทุนในต่างประเทศ 1 ดอลลาร์สหรัฐ จะสร้างเม็ดเงินส่งออก 2 ดอลลาร์สหรัฐ จึงกล่าวได้ว่าในโลกยุคใหม่ การลงทุนมีแนวโน้มจะทวีบทบาทสำคัญมากขึ้น EXIM BANK จึงพร้อมสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยปรับกลยุทธ์ไปลงทุนในต่างประเทศ เพื่อเจาะตลาดการค้าในประเทศนั้นๆ และขยายโอกาสส่งออกวัตถุดิบและสินค้า" นายพิศิษฐ์กล่าว
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักบริหาร EXIM BANK สำนักงานใหญ่
โทร. 0 2271 3700, 0 2278 0047, 0 2617 2111 ต่อ 1141-6